วันศุกร์ ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ไทยเบฟ เปิดเส้นทางแห่งศรัทธา‘ตามรอยองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต’
ถวายเป็นอาจาริยบูชา ในโอกาสที่ ยูเนสโก ยกย่องเป็นบุคคลสำคัญของโลก
บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ กรมการพัฒนาชุมชนกระทรวงมหาดไทย และมูลนิธิสิริวัฒนภักดีเตรียมเปิดเส้นทางแห่งศรัทธาสายธรรมะ ภายใต้ชื่อ “โครงการท่องเที่ยวโดยชุมชน ตามรอยองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต”พร้อมหมุดหมายเป็นที่แรกที่จังหวัดลพบุรี เพื่อถวายเป็นอาจาริยบูชาแด่องค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เนื่องในโอกาสที่องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือองค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศยกย่องเชิดชู หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก สาขาสันติภาพ ในวาระปีพ.ศ.2563-พ.ศ.2564 ถือเป็นพระอริยสงฆ์รูปที่ 3 ของประเทศไทยที่ได้รับการยกย่อง นับตั้งแต่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรสและท่านพุทธทาสภิกขุ ซึ่งหลวงปู่มั่นภูริทัตโต คือหนึ่งในพระวิปัสสนาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ของเมืองไทย พระอาจารย์ใหญ่แห่งกองทัพธรรม เป็นผู้มีปฏิปทาสันโดษ มักน้อย แสวงหาความวิเวก และตั้งมั่นอยู่บนความเพียรตั้งแต่วันแรกของการบรรพชา อุปสมบท จวบจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต
ในงานดังกล่าวคณะผู้บริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) นำโดย นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ที่ปรึกษากรรมการผู้อำนวยการใหญ่พร้อมด้วย นายสุปกิต โพธิ์ปภาพันธ์ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี, พระศรีวรคุณ เจ้าอาวาสวัดสิริจันทรนิมิต เจ้าหน้าที่กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย และประชาชนชาวลพบุรี ร่วมงาน ณ บริเวณหน้าพระอุโบสถ วัดสิริจันทรนิมิต
.jpg)
นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ในนามมูลนิธิสิริวัฒนภักดี และในนามประธานกรรมการโครงการเปิดเผยว่า ถือเป็นนิมิตหมายอันดียิ่งในการผสานความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย มูลนิธิสิริวัฒนภักดี และพี่น้องชาวจังหวัดลพบุรีเพื่อร่วมเปิดเส้นทางแห่งศรัทธาสายธรรมะ พร้อมเปิดตัวโครงการที่จังหวัดลพบุรีเป็นที่แรกภายใต้ชื่อ “โครงการท่องเที่ยวโดยชุมชนตามรอยองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต” ที่นอกจากจะเป็นการช่วยส่งเสริมและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในด้านการท่องเที่ยวโดยชุมชนแล้ว ยังเป็นการเล่าขานเรื่องราวซึ่งถือเป็นข้อมูลเฉพาะในท้องถิ่นเป็นเกร็ดความรู้ที่ผู้รู้ในชุมชนจะถ่ายทอดให้กับผู้มาเยือนหรือนักท่องเที่ยวให้ได้รับทราบ
“จากประวัติขององค์หลวงปู่มั่น ท่านได้เดินทางจาริกเพื่อบำเพ็ญเพียรและธุดงค์หาความสงบในการปฏิบัติธรรมและเจริญสติในสถานที่ที่ต่างๆ มากมาย ทั้งที่เป็นวัดในเมืองชนบท ป่าเขา และถ้ำสูงหลายจังหวัดในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งสถานที่เหล่านี้ล้วนเป็นหลักฐานสำคัญที่บอกเล่าเรื่องราวและนิมิตอันน่าอัศจรรย์ต่างๆ เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมขององค์หลวงปู่มั่นที่มีคุณค่ายิ่งแก่ผู้ที่เลื่อมใสศรัทธา และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการนี้จะช่วยสร้างการรับรู้และแรงบันดาลใจให้เกิดกุศลจิตอันเป็นมงคลแก่ชีวิตให้กับทุกท่านที่ได้เดินทางเยี่ยมเยือนสถานที่สำคัญในเส้นทางเจริญธรรมขององค์หลวงปู่มั่น เพื่อให้ทุกคนได้ยึดถือในคุณความดีและเพื่อเป็นอาจาริยบูชาเชิดชูเกียรติคุณขององค์หลวงปู่มั่นที่ได้รับการยกย่องเชิดชูให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก และได้ร่วมกันน้อมระลึกถึงพระคุณขององค์หลวงปู่มั่นที่ได้บำเพ็ญคุณประโยชน์อย่างมากมายไว้แก่พระศาสนาและสังคมไทย พร้อมน้อมนำหลักคำสอนมาปฏิบัติสืบต่อไป” นายฐาปน กล่าว
.jpg)
นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ที่ปรึกษากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ในนามประธานคณะทำงานโครงการ กล่าวว่า ไทยเบฟ เล็งเห็นความสำคัญของการเฉลิมฉลองครบรอบ 150 ปีชาตกาลองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และการได้รับยกย่องเชิดชูจาก ยูเนสโกให้เป็นบุคคลสำคัญของโลกในครั้งนี้ ซึ่งท่านได้จาริกไปในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศทั้งภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและประเทศใกล้เคียง จึงนับเป็นโอกาสอันดีในการจัดให้มีโครงการท่องเที่ยวโดยชุมชนตามรอยองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เพื่อเชิญชวนประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้เดินทางเข้าไปเรียนรู้ประวัติวัตรปฏิบัติอันงดงาม รวมทั้งปฏิปทาคำสอนขององค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางพระปฐมบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการ “สืบสาน รักษา และต่อยอด” พร้อมนำเอาหลักคำสอนและวัตรปฏิบัติขององค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาและนำไปปฏิบัติสืบไป
“ที่สำคัญ ยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างบ้าน วัด โรงเรียน ภายใต้หลักการ “บวร” และพัฒนาเป็นบริษัทวิสาหกิจชุมชนราชการที่ประสานสอดคล้องกับผู้มีจิตศรัทธาต่อการทำดี ได้บูรณาการความร่วมมือเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างรายได้ของชุมชนจากโครงการท่องเที่ยวโดยชุมชน ที่เป็นการกระจายรายได้เข้าสู่วิสาหกิจผู้ประกอบการ
ร้านค้า ชุมชน ร้านอาหาร โฮมสเตย์ ผู้ผลิตสินค้าชุมชนและของที่ระลึก และพัฒนาจนมีวิสาหกิจเพื่อสังคมเกิดใหม่ขึ้นมาได้ ทั้งนี้ โครงการจะให้ข้อมูลสำคัญ 34 แห่งทั่วประเทศที่หลวงปู่มั่นได้จาริกไปในพื้นที่ต่างๆ ผ่านการประชาสัมพันธ์ทาง www.luangpumun-cbt.org เพื่อให้ประชาชนและผู้ที่ศรัทธาได้ศึกษา พร้อมทั้งข้อมูลสถานที่และแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชนโดยรอบสถานที่เหล่านี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก”
.jpg)
นายสุปกิต โพธิ์ปภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี กล่าวว่า ขอขอบคุณกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) มูลนิธิสิริวัฒนภักดี และทุกภาคส่วน ที่ได้ร่วมใจกันจนก่อให้เกิดเป็นโครงการนี้ขึ้นมาที่นอกจากเพื่อถวายเป็นอาจาริยบูชาแด่องค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต แล้ว ยังถือเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากสร้างโอกาสและรายได้ให้กับชุมชน ตามนโยบายของภาครัฐในเรื่องการผลักดันการท่องเที่ยวโดยชุมชนให้ขับเคลื่อนไปตาม
เป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติด้านการท่องเที่ยวที่ต้องการยกระดับให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก โดยที่จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวอาจจะเริ่มต้นจากชุมชน
โครงการดังกล่าว นอกจากจะเป็นการร่วมกันน้อมรำลึกถึงพระคุณของหลวงปู่มั่นภูริทัตโต ที่ได้บำเพ็ญคุณประโยชน์ไว้แก่พระศาสนาและสังคมไทย และน้อมนำหลักคำสอนมาปฏิบัติสืบต่อไป เพื่อเป็นการจารึกประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของบุคคลสำคัญทางศาสนา อันเป็นมรดกของชาวไทยสู่การเป็นมรดกโลกแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมและสร้างรายได้ สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในด้านการท่องเที่ยวโดยชุมชนได้เป็นอย่างดี อีกด้วย สามารถติดตามรายละเอียด “โครงการท่องเที่ยวโดยชุมชน ตามรอยองค์หลวงปู่มั่น” ได้ที่ www.luangpumun-cbt.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี