จบลงไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับ งานเดิน-วิ่ง ในงาน “Chula Cancer Run ก้าว…ทันมะเร็ง” ที่ทาง กองทุนภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำโดย ศ.นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดเพื่อแสดงพลังต่อสู้กับโรคมะเร็ง โดยรายได้สมทบทุน กองทุนภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็งจุฬาฯ ซึ่งจะจัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2562ที่ผ่านมา ณ สนามกีฬาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยในงานนี้มีศิษย์เก่าจุฬาฯ อย่าง ตูน-อาทิวราห์ คงมาลัย จากมูลนิธิก้าวคนละก้าว มาร่วมวิ่ง 10.2 กิโลเมตร กับทางโครงการ โดยงานนี้มีนักวิ่งมาร่วมงานกว่า 5,000 คน
โดย ผู้จัดแคมเปญ “Chula Cancer Run ก้าว…ทันมะเร็ง” ยังได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมกับ THE STANDARDเกี่ยวกับการค้นคว้ายาแอนตี้บอดี้รักษามะเร็งว่า สำหรับยาชนิดนี้เป็นยาภูมิคุ้มกันบำบัด จะไม่เข้าไปทำลายเซลล์ภายในร่างกายเราเหมือนวิธีการรักษามะเร็งในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดนำก้อนเนื้อมะเร็งออกจากร่างกาย การทำคีโมนำสารเคมีเข้าไปในร่างกายเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง แต่ในขณะเดียวกันก็จะเป็นการฆ่าเซลล์ในร่างกายไปด้วย และการฉายแสงที่ทำเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง แต่เนื้อเยื่อโดยรอบบริเวณจะได้รับผลกระทบไปด้วย แต่สำหรับยาแอนตี้บอดี้รักษามะเร็ง จะไม่ใช่การรักษาโดยวิธีเหล่านั้นเนื่องจากเซลล์มะเร็งจะมีโปรตีนยื่นออกมาจับเม็ดเลือดขาวในร่างกายมนุษย์ และทำให้เรามีเซลล์มะเร็งเกิดขึ้นภายในร่างกายในที่สุดแต่กับยาชนิดนี้จะเป็นวิธีการที่จะช่วยให้ภูมิคุ้มกันภายในร่างกายของเราดีขึ้น โดยจะทำหน้าที่ขัดขวางกลไกการทำงานของเซลล์มะเร็งไม่ให้แพร่หรือขยายตัวต่อไปได้อีก ซึ่งยาชนิดนี้สามารถใช้ได้กับมะเร็งกว่า 22 ชนิด เช่นมะเร็งตับ มะเร็งปอด อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยาแอนตี้บอดี้รักษามะเร็งมีจำหน่ายแล้วทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยสนนราคาเป็น 2 รูปแบบคือ 2 แสนบาท เป็นราคาจากโรงพยาบาลภาครัฐ และหากเป็นโรงพยาบาลเอกชนยาชนิดนี้จะมีราคาสูงถึง 4 แสนบาทเลยทีเดียว และยาตัวนี้ต้องฉีดทุก 2-3 สัปดาห์ ซึ่งต้องผ่านความเห็นจากแพทย์ผู้รักษาก่อนจึงจะอนุมัติให้มีการใช้กับผู้ป่วยนั้นๆ ได้ และจากราคาที่สูงขนาดนี้จึงเป็นผลทำให้ผู้ป่วยอาจต้องเสียเงินเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังพบว่าผู้ป่วยในไทยที่รับยาตัวนี้เพื่อรักษามีอยู่ไม่ถึง 1,000 คน ดังนั้น ทีมพัฒนางานวิจัยภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็งในวันนี้ จึงมีความต้องการที่จะผลิตยาแอนตี้บอดี้รักษามะเร็งได้เอง 100% ในประเทศไทย เพื่อลดต้นทุนการนำเข้าจากต่างประเทศ เพราะหากยาตัวนี้สามารถผลิตได้ในไทยอย่างสมบูรณ์แบบ ผู้ป่วยโรคมะเร็งในไทยก็จะสามารถเข้าถึงและรับการรักษาได้อย่างมากขึ้น ซึ่งมีความต้องการให้ตัวยามีราคาที่ลดลงอยู่ที่ 2 หมื่นบาทเท่านั้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี