ต้องบอกว่าเธอคนนี้เป็น “นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์”มาแรง สำหรับ “ลิลลี่-วรีรัตน์ อุดมคุณธรรม” กรรมการผู้จัดการ บริษัท บุราส่าหรี กรุ๊ป จำกัด ผู้บริหารบูติคโฮเตลที่โดดเด่นทั้งคอนเซ็ปต์และการบริการ ภายใต้ชื่อ “บุราส่าหรี ป่าตอง ภูเก็ต” และ “เซี่ยงไฮ้ แมนชั่น”บูติค โฮเตลสุดชิคใจกลางเยาวราช และล่าสุดเพิ่งเปิดตัวบูติค โฮเตลน้องใหม่ในประเทศเพื่อนบ้านไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา “บุราส่าหรี เฮอริเทจ หลวงพระบาง” สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพียงระยะเวลา 10 ปี กับเส้นทางธุรกิจนี้ ใครๆ ก็ต้องจับจอง รวมถึงเราเช่นเดียวกัน ที่คว้าตัวเธอมาคุยเพื่อล้วงลึกถึงความสำเร็จในวันนี้
ลิลลี่ อดีตที่ปรึกษาด้านการลงทุน เผยว่า ไม่ได้ตั้งใจที่จะมาทำธุรกิจโรงแรม หรือกลายเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
อย่างที่ทุกวันนี้ แต่เป็นเพราะทุกอย่างได้ถูกกำหนดไว้แล้ว เมื่อถึงเวลาเธอจึงมาเดินบนเส้นทางสายนี้แบบไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ
“เหตุเกิดเพราะคุณพ่อ (มานิต อุดมคุณธรรม) ท่านไปประมูลที่ดิน ซึ่งเป็นที่ตั้งของ บุราส่าหรี ป่าตอง ตอนทีี่ได้มา ท่านก็พาลี่ไปดู แล้วถามว่า ที่ดินตรงนี้ จะทำอะไรได้ เรามองแล้วทำได้อย่างเดียวก็คือโรงแรม คุณพ่อก็ตอบกลับมาว่า ให้ลิลลี่กลับมาทำนะ ตอนนั้นปี 2001 ลิลลี่ เรียนจบแล้วก็ทำงานอยู่ที่อเมริกา เป็นแบงเกอร์ กำลังสนุกกับงาน และเติบโตในหน้าที่การงานมากๆ พอคุณพ่อบอกอย่างนั้น มันไม่มีทางเลือกสำหรับเราให้ตัดสินใจ แม้จะรักงานทางโน้นมาก แต่มองแล้วว่า คุณพ่อท่านก็อายุเยอะแล้วนะ จะให้ท่านแบกรับภาระเงินกู้ธนาคารหลายร้อยล้านอยู่คนเดียวคงไม่ได้ เรียกว่าท่านก็เตรียมอะไรๆ ไว้แล้ว ก็เลยต้องกลับไปเคลียร์งาน ลาออก เพื่อกลับมาสานงานต่อจากคุณพ่อ ที่เมืองไทย”
สิ่งที่แตกต่างของงาน 2 ประเภทนี้ ลิลลี่ บอกว่า การเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุน นั่นชีวิตเกี่ยวข้องอยู่กับตัวเลข อย่างหนักที่สุดคือ การปิดงบที่ไม่ลงตัว แต่ข้อดีคือ ตัวเลขไม่มีปากไม่มีเสียงแต่การทำธุรกิจโรงแรม เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึก และตัวบุคคล ไม่ว่าจะเป็น พนักงาน และลูกค้า โดยเฉพาะกับพนักงาน ทีมงาน ที่จะทำอย่างไรให้พวกเขามีมุมมองในการทำงานบริการให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า
“แต่ลี่ไม่กลัวที่จะมาทำธุรกิจนี้ เพราะว่าตอนที่ทำงานอยู่ที่ Bearsterns (ปัจจุบันปิดตัวไปแล้ว) ลี่โชคดีที่ได้เจ้านายที่ดี มักจะมอบหมายงานยากๆ ให้เราทำอยู่เสมอ อีกทั้ง ประสบการณ์การเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุน บวกกับประสบการณ์ในการทำธุรกิจของคุณพ่อ เมื่อสองอย่างนี้มารวมกัน ลี่ก็รู้สึกว่าโชคดีที่เรามีแบ๊กอัพที่ดี”
บุราส่าหรี ป่าตอง ภูเก็ต เปิดตัวเมื่อปี 2002 เริ่มจาก 90 ห้อง อีก 2 ปีต่อมา หลังจากเกิดสึนามิ โรงแรมที่ตั้งอยู่ข้างๆทำต่อไม่ไหว เธอก็ไปซื้อมา ขยายเป็น 186 ห้อง พร้อมๆ กับเปิดตัวเซี่ยงไฮ้ แมนชั่น เยาวราช จำนวน 55 ห้อง ขยายมาเป็น 76 ห้องและปลายปี 2555 เปิด บุราส่าหรี เฮอริเทจ หลวงพระบาง เป็นการขยายธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศเป็นแห่งแรก
“ในการทำธุรกิจของลิลลี่ จริงๆ แล้วมันมีการเติบโตทุกปีแต่ลี่เลือกทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ดูความพร้อม ความแข็งแรงรอบด้าน ก่อนที่จะตัดสินใจว่าเราจะอะไรตรงไหนอย่างไร เพราะคงไปสู้กับแบรนด์ใหญ่ๆ ดังๆ เขาไม่ได้ ที่เขามีทุนมากพอที่จะเปิดได้หลายๆ จุดพร้อมๆ กัน แต่ทุกจุดที่เราขยายต้องบอกว่าเราใช้กำไรของตัวเองด้วยส่วนหนึ่ง การลงทุนจึงต้องระมัดระวังมาก ส่วนตัวลี่เองนะ ลี่ก็อยากไปให้เร็วกว่านี้”
ลิลลี่ บอกว่า สไตล์การบริหารงานของเธอเรียกว่า Open Door Policy คือการเปิดโอกาสให้พนักงานทุกคนมีโอกาสได้แสดงความสามารถของตนเองอย่างเต็มที่ และสามารถเข้ามาพูดได้โดยตรงกับเธอ แม้จะเป็นเรื่องยากในวัฒนธรรมองค์กรของเมืองไทย แต่เธอก็เปิดประตูต้อนรับพร้อมจะฟังความคิดเห็นของพนักงานทุกคน โดยเฉพาะพนักงานที่ต้องใกล้ชิดกับลูกค้า เพื่อนำพัฒนา ปรับปรุง นโยบาย แผนงานต่างๆ ให้ดีขึ้นนั่นเอง
คุยเรื่องงานกันไปเยอะแล้ว ขอปิดท้ายด้วยมุมชีวิตส่วนตัว ปัจจุบัน ลิลลี่ แต่งงานกับ มร.เดวิด บาร์คเลย์ นักออกแบบชาวสก๊อตของโรงแรมบันยันทรี มีลูกชายวัย 1 ขวบ 3 เดือน เป็นโซ่ทองคล้องใจ เมื่อเสร็จจากงานเวลาทั้งหมดจึงทุ่มเทให้ครอบครัว
“ก่อนจะมีลูก เวลาที่เหลือจากงาน ลี่จะหมดไปกับการดูแลตัวเอง การออกกำลังกายเสียเป็นส่วนใหญ่ ลี่ชอบว่ายน้ำ
ขี่ม้า เข้าฟิตเนส แต่พอตอนนี้มีน้องแล้ว เขากำลังน่ารักมาก กิจกรรมต่างๆ ก็หยุดไว้ก่อน แล้วมาให้เวลากับลูกมากขึ้น
เช้าก็ไปส่งลูกเข้าเนิร์สเซอรี่ ตอนเย็นไปรับกลับ แต่ถ้าวันไหนที่งานแน่นจริงๆ คุณพ่อเขาก็จะไปรับ ซึ่งลี่ก็โชคดีอีกว่า หนึ่ง คือที่บ้านเราอยู่เป็นครอบครัวใหญ่ คุณพ่อ คุณแม่ลี่ ก็จะช่วยดูแลหลานได้ ส่วนตัวเดวิดเองก็เป็นแฟมิลี่แมนมากๆ และทำงานโรงแรมเหมือนกัน เขาก็จะเข้าใจงานของลี่ และเขาเป็นคุณพ่อที่ช่วยเลี้ยงลูก ที่สำคัญเขาชอบทำอาหาร เรื่องเข้าครัวนี่ยกให้เขาเลย ตอนนี้ก็แฮปปี้นะทั้งเรื่องงานและครอบครัว”
อย่างนี้เรียกว่า Lucky in Game and Lucky in Love จนน่าอิจฉาจริงๆ คุณผู้อ่านเห็นด้วยใช่ไหมคะ?
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี