เป็นที่ทราบดีว่า ผลพวงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ที่มีต้นกำเนิดมาจากเมืองอู่ฮั่น ส่งผลให้ทางการจีนได้ใช้มาตรการปิดเมืองอู่ฮั่นและจำกัดการเดินทางมาสองสัปดาห์แล้วเช่นเดียวกับอีกหลายเมืองใหญ่ทั่วประเทศจีน ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าจะรู้ว่ามาตรการนี้จะได้ผลหรือไม่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขระบุกับหนังสือพิมพ์เดอะ เซาท์ไชน่ามอร์นิ่ง โพสต์ว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่า มาตรการปิดเมืองหลายเมืองของจีนที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จะช่วยชะลอการแพร่ระบาดของเชื้อได้หรือไม่ นักไวรัสวิทยาบางรายระบุว่า ไวรัสโคโรนามีระยะเวลาฟักตัวสองสัปดาห์ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง เท่ากับว่า อัตราการติดเชื้อใหม่ควรจะเริ่มชะลอตัวลงตั้งแต่วันพุธนี้ ซึ่งครบสองสัปดาห์ที่ทางการจีนสั่งปิดเมืองพอดี
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางรายมองว่าผลอาจออกมาแตกต่างเช่นกัน เพราะเมืองอู่ฮั่นมีประชากร 11 ล้านคน แต่ก่อนที่ทางการจีนจะสั่งปิดเมือง มีรายงานว่า
ประชากรราว 5 ล้านคน ได้เดินทางออกจากเมืองไปก่อนแล้วในช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีน ที่ผู้คนเดินทางกลับภูมิลำเนา ขณะเดียวกัน ทางการจีนได้ขยายมาตรการจำกัดการเดินทางไปยังอีก 15 เมืองโดยรอบเมืองอู่ฮั่น รวมจำนวนประชากรราว 50 ล้านคน ที่ต้องอยู่ภายใต้มาตรการนี้
ไรนา แมคอินไตย์ จากมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ระบุว่าในทางทฤษฎี การจำกัดการเดินทางเป็นมาตรการที่ได้ผลในการควบคุมการแพร่เชื้อไม่ให้ออกไปนอกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ แต่ปัญหาคือชาวอู่ฮั่นจำนวนมากได้เดินทางออกนอกเมืองไปก่อนหน้านี้แล้ว จึงทำให้พบผู้ติดเชื้อในพื้นที่อื่นของจีนหลังจากนี้ ยังคงต้องรอดูอัตราการขยายตัวของการติดเชื้อในมณฑลหูเป่ย์และนอกมณฑลว่าจะชะลอตัวลงหรือไม่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ด้านโจเซ็ป จาง เค-หยานผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อของฮ่องกงระบุว่า การปิดเมืองจะช่วยควบคุมการระบาดได้ และเป็นมาตรการสำคัญในมุมมองของประชาคมโลกเพราะจะช่วยจำกัดการแพร่เชื้อไปทั่วโลก แต่เขาก็เชื่อว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะยังคงเพิ่มมากขึ้น โดยพุ่งขึ้นสูงสุดในช่วงปลายเดือนเมษายน
ขณะที่นายหยานจง หวงนักวิชาการด้านสาธารณสุขโลกจากสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศระบุว่า ยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่ามาตรการกักกันขั้นเด็ดขาดของรัฐบาลจีนนั้นได้ผลหรือไม่ โดยเฉพาะหากประเมินประสิทธิภาพของมาตรการจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในเมืองที่ถูกทางการสั่งปิด
อย่างไรก็ตาม นายลอว์เรนซ์ กอสติน ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขจากมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ในวอชิงตัน มองว่า มาตรการกักกักอย่างที่จีนใช้สำหรับมณฑลหูเป่ย์นั้นอาจไม่มีประสิทธิภาพและอาจมีผลข้างเคียงที่ร้ายแรง จีนควรใช้วิธีการตรวจหาผู้ติดเชื้ออย่างเข้มงวดการรักษา การคัดแยก และหาผู้ที่มีการติดต่อสัมพันธ์กัน รวมถึงตรวจสุขภาพผู้ที่เดินทางออกจากมณฑลหูเป่ย์มากกว่า กอสตินมองว่าการจำกัดให้ผู้คนอยู่อย่างแออัดในพื้นที่ที่มีโรคระบาด จะยิ่งทำให้เกิดการติดเชื้อในหมู่สมาชิกครอบครัวเพื่อน และเพื่อนบ้าน และจีน อาจสูญเสียความไว้วางใจและความร่วมมือจากประชาชนได้นั่นเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี