เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2563 ที่ห้อง JM 402 คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ผศ.ดร.อัจฉราปัณฑรานุวงศ์ คณบดีคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน กล่าวถึงการจัดเสวนา “ป๊อปคัลเจอร์...ไม่แคร์เวิลด์” ในครั้งนี้จัดขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 65 ปี การสถาปนาคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน โดยได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรและเครือข่ายทางวิชาการสำคัญ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช คณะรัฐศาสตร์ และคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลักสูตรวารสารศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสื่อสารมวลชน (MA) ได้ผลิตและสร้างสรรค์วิทยานิพนธ์ร่วมกับคณาจารย์ในการสะท้อนวัฒนธรรมหรือบริบททางการสื่อสารในสังคมของเราโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง “ป๊อปคัลเจอร์” ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถนำเสนอในการวิจัยโดยวิเคราะห์ที่เชื่อมโยงกับการสื่อสารในแง่มุมที่ครบเครื่องหลากหลายซึ่งในครั้งนี้มีวิทยานิพนธ์ดีเด่น มีผลการศึกษาที่น่าสนใจ เช่น ปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมในเรื่องของการสั่งสมทุนทางวัฒนธรรมของนักร้องเพลงใต้ การพุดคุยของแฟนคลับนักร้องเพลงป๊อปที่สร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการเพลง การสื่อสารตัวตนของคนรุ่นใหม่ Gen Y ในเฟซบุ๊ค เรื่องราวของผู้หญิงในมิติต่างๆ ซึ่งนักศึกษาได้ศึกษาวิเคราะห์โดยนำศาสตร์ต่างๆ มาบูรณาการได้เป็นอย่างดี ทั้งแนวคิดทฤษฎีทางการสื่อสาร และแนวคิดทางสังคมวิทยาและมานุษยวิทยาและศาสตร์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในลักษณะบูรณาการ ซึ่งทำให้เห็นว่าความรู้ด้านการสื่อสารนั้นสามารถนำมาผนวกกับความรู้ด้านศาสตร์ต่างๆ ได้แล้วนำมาอธิบายและแก้ไขชี้แนะทางออกให้กับสังคมได้เป็นอย่างดี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลักสูตรวารสารศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาสื่อสารมวลชน (MA) ได้พยายามพัฒนาให้มีการเติบโตมีการปรับประยุกต์เนื้อหาแนวทางการเรียนการสอนให้มีความทันสมัยอย่างต่อเนื่องภายใสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงเพื่อให้นักศึกษาได้ประโยชน์มากที่สุด โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของสื่อ (Media Disruption) นำมาพัฒนาในเรื่องของหลักสูตรเพื่อนำไปประยุกต์ปรับใช้อย่างสอดคล้องกับความต้องการของสังคม
ผศ.ดร.อัจฉรา ปัณฑรานุวงศ์ คณบดีคณะวารสารศาสตร์ฯ มธ. เป็นประธานเปิดเสวนา “ป๊อปคัลเจอร์...ไม่แคร์เวิลด์” เนื่องในโอกาสครบรอบ 65 ปี การสถาปนาคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน
รศ.ธเนศ วงศ์ยานนาวา ได้กล่าวถึง “พัฒนาการความคิดเรื่อง Popular และ Politics of the Popular” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการเสวนาครั้งนี้ว่า เป็นสิ่งที่ประชาชน และสังคมยอมรับสนใจเป็นวัฒนธรรมที่ได้รับความนิยมและถือเป็นการสลายชนชั้นทางสังคม วิถีป๊อปเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมความบันเทิงและการพาณิชย์ที่แพร่กระจายไปทั่ว เป็นวิถีแห่งการทำทำเงินมหาศาล(Blockbuster) วิถีแห่งการต่อสู้เรื่องสิทธิตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980 ภายใต้อุดมการณ์หลากหลายของวัฒนธรรม วัฒนธรรมป๊อปเป็นวิถีชีวิตสำคัญของวัยรุ่นนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 (Babyboom Generation) ได้รับความนิยมจากมวลมหาชนได้ค่อยๆ สลาย คุณลักษณะทางชนชั้น “ในแวดวงวารสารศาสตร์ นิเทศศาสตร์ โทรทัศน์อาจกล่าวได้ว่าเป็น Mass Culture ที่ทรงพลังถูกนำไปเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมการค้า การลงทุน เป็นวิถีด้านการตลาดที่สำคัญจนเป็นวัฒนธรรมป๊อปที่มีอิทธิพลอย่างมาก”
รศ.ธเนศ วงศ์ยานนาวา
นอกจากนี้ รศ.ธเนศยังตั้งข้อสังเกตถึงช่องว่างระหว่างวัยที่ส่งผลต่อวิธีคิดของคนรุ่นใหม่โดยยกตัวอย่างกรณีของ Greta Thunberg ตัวแทนของเยาวชนคนรุ่นใหม่ได้รับการยกย่องให้เป็นบุคคลแห่งปี 2019 จากนิตยสาร Time (Person oh The Year 2019) ที่สะท้อนปัญหาโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจนส่งผลต่อผู้คนทุกเพศทุกวัย โดยมองปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญและเป็นประเด็นการเรียกร้องที่คนรุ่นใหม่เรียกร้องให้คนรุ่นเก่าเกิดความตระหนักเป็นการต่อสู้ระหว่างช่วงวัยที่กุมอำนาจทางเศรษฐกิจ การสำนึกโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Global Warming) เป็นสิ่งที่เชื่อมต่อปัจจุบันเข้ากับอนาคตสะท้อนผ่านช่วงวัย (Generation) ที่มีอนาคตและมีชีวิตที่ยาวไกล เป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมในการรณรงค์ของคนรุ่นใหม่ ในประเด็นเรื่องวัฒนธรรมป๊อปรองศาสตราจารย์ธเนศ กล่าวว่า การใช้อินเตอร์เนตของคนในยุคปัจจุบันอาจกล่าวได้ว่าเป็นการใช้เชิงพาณิชย์เป็นเหรียญอีกด้านของวัฒนธรรมสงครามภายใต้วิถีแห่งความสงบของรัฐตำรวจอเมริกันซึ่งทุกคนล้วนถูกจับตาตรวจสอบ (Surveillance) นอกจากนี้การจัดการการศึกษาในระดับอุดมศึกษาของมหาวิทยาลัยไทยถูกครอบงำด้วยทุนนิยมพูดภาษาอังกฤษทำให้มองไม่เห็นในมิติอื่นซึ่งพบได้จากการถูกครอบคลุมบนพื้นที่การใช้อินเตอร์เนต
รศ.ดร.สมสุข หินวิมาน
ด้าน รศ.ดร.สมสุข หินวิมาน ประธานหลักสูตรวารสารศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสื่อสารมวลชน (MA) กล่าวบรรยายพิเศษ “ป๊อปคัลเจอร์ในโลกของสื่อศึกษา” ว่า “สาเหตุที่สื่อศึกษาสนใจในเรื่องป๊อปคัลเจอร์ เพราะวัตถุดิบหรือข้อมูลที่สาขาวิชานี้สนใจโดยภาพรวมเป็นป๊อปคัลเจอร์ชนิดหนึ่งแต่อาจไม่ได้เรียกว่าป๊อปคัลเจอร์หรือวัฒนธรรมประชานิยม แต่อาจเรียก Popular Media หรือ Mass Media หรือสื่อสารมวลชนก็เป็นป๊อปคัลเจอร์ชนิดหนึ่ง แต่ท่วงทีและพัฒนาการอาจเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แนวโน้มการศึกษาป๊อปคัลเจอร์ของกลุ่มวิชาสื่อศึกษาหากพิจารณาในเรื่องคุณลักษณะอาจวัดได้ 3 มิติ กล่าวคือในเชิงปริมาณ วิถีป๊อปจะมีการผลิตและเกิดการบริโภคมหาศาล มีคนเสพเป็นจำนวนมาก เช่น อุตสาหกรรมภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด เมื่อมองในเชิงเวลาเป็นสิ่งร่วมสมัยมาเร็วไปเร็ว และในเชิงคุณภาพเป็นสิ่งต่ำต้อยในเชิงรสนิยมแต่มีพลังล้นเหลือ เมื่อพิจารณาถึงคำว่าป๊อป ซึ่งมีรากฐานมาจากคำว่า Popular ซึ่งเป็นของประชาชนทั่วไปแตกต่างจากอะไรก็ตามที่เป็นวัฒนธรรมสิ่งนั้นจะต้องดีที่สุด หลายคนอาจเป็นมองว่าป๊อปคัลเจอร์เป็นเรื่องที่ศึกษาไปทำไม เป็นเรื่องไม่มีรสนิยม แต่ความจริงแล้วเนื้อในของป๊อปคัลเจอร์เป็นวิธีคิดที่ตั้งคำถามกับสังคมมากขึ้น”
รศ.ดร.กำจร หลุยยะพงศ์
ทั้งนี้ ภายในงานเสวนาดังกล่าวคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน จัดการนำเสนอวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาระดับปริญญาโท หลักสูตรวารสารศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสื่อสารมวลชน (MA) ที่เกี่ยวข้องกับแนวคิดป๊อปคัลเจอร์ 6 เรื่อง ประกอบด้วย พัฒนาการชีวิตและกระบวนการสร้างทุนวัฒนธรรมของเอกชัยศรีวิชัย/นุช : เครือข่ายการสื่อสารแฟนคลับผลิตโชคอายนบุตร บนสื่อสังคมออนไลน์ทวิตเตอร์/การสื่อสารอัตลักษณ์ของ เจเนอเรชั่นวายผ่านสื่อสังคมออนไลน์กรณีศึกษาเฟซบุ๊ค/การปรุงอำนาจผ่านความรื่นรมย์ในการทำอาหารของผู้หญิงในภาพยนตร์/ภาพความเป็นชายในโฆษณาเครื่องสำอางเกาหลีสำหรับผู้หญิง/ช่างสักผู้หญิง : การสื่อสารและการสั่งสมทุนวัฒนธรรมในอาชีพช่างสัก โดยได้รับเกียรติการวิพากษ์โดยรศ.ดร.กำจร หลุยยะพงศ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชและ ผศ.ดร.จันทนี เจริญศรี คณบดีคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ผศ.ดร.จันทนี เจริญศรี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี