หนุ่มนักเขียนการ์ตูนอิสระ ที่รู้จักกันในนาม PUCK หรือ ไตรภัค สุภวัฒนา ถูกเลือกให้เป็น Master Crafter คนแรกของไทยที่ได้ร่วมงานกับ MOOSE Cider ร่วมเป็นกรรมการตัดสินการประกวด ‘Master Crafter the 1st Edition: ‘Born Crafted’ เพื่อเฟ้นหาสุดยอดนักคราฟท์ตัวจริง ที่นำสัญลักษณ์ “มูส” เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างงานคราฟท์ 2D Visual Art ชิงเงินรางวัลมูลค่ากว่า 100,000 บาท
ไตรภัค สุภวัฒนา นักเขียนการ์ตูนอิสระ หรือที่คุ้นหูกันในชื่อ PUCK เรียนจบจากคณะมัณฑนศิลป์ ภาควิชาออกแบบนิเทศน์ศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เริ่มเขียนการ์ตูนตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ปี 2 (ปี 2007) ชื่อเรื่อง Something กับค่ายสยามอินเตอร์คอมมิก ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการ์ตูนแนวเพื่อชีวิต มีความซีเรียส เสียดสีสังคม การ์ตูนมุ่งประเด็นไปที่การตั้งคำถามเกี่ยวกับการใช้ชีวิต โดยสมัยที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยนั้นถือเป็นคนที่ขวางโลกพอสมควร ดังนั้น จึงเกิดคำถามกับสิ่งต่างๆ รอบตัวมากมายในแต่ละวัน การเขียนการ์ตูนของเขาในช่วงนั้นจึงเป็นการเขียนเพื่อบำบัดข้อสงสัยของตัวเอง และหากย้อนกลับไปในยุคนั้นแผงหนังสือเต็มไปด้วยการ์ตูนแนวทั่วไป เช่น ผจญภัย กีฬา โรแมนติก แต่ด้วยแนวคิดแหวกแนวแตกต่างอีกทั้ง ลายเส้นเกินจริงเหนือจินตนาการ สร้างความโดดเด่นชัดเจนอยู่บนแผงหนังสือ ทำให้ผลงานชิ้นแรกของเขากลายเป็นกระแสและมีคนพูดถึงอยู่ไม่น้อย
ต่อมาได้ทำแบรนด์เสื้อของตัวเอง ภายใต้ชื่อ “SAWREAL RABBIT” หรือ “กระต่ายหนามสุดโหด” ซึ่งตั้งใจสร้างมาสคอตของแบรนด์ให้ดูเหนือจริง แทนที่ชีวิตในความจริงที่น่าเบื่อ จึงต้องการครีเอทสิ่งที่หลุดออกจากความเป็นจริงให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นขนของกระต่าย ซึ่งปกติจะนุ่ม แต่เขาก็ดีไซน์ให้เป็นหนาม ที่มีตาเป็นสีเลือดที่มีความโหดจนไม่เหลือความอ่อนโยนของภาพลักษณ์กระต่ายที่ทุกคนได้รู้จักอีกเลย ซึ่งผลงานนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนกลายเป็นลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์ในการสร้างสรรค์ผลงานในปัจจุบันของเขา
ตลอดการทำงานบนเส้นทางศิลปินกว่า 12 ปีของ ไตรภัค แม้ว่าเขาได้หยิบสิ่งที่รักมาทำเป็นอาชีพ จนอาจเรียกได้ว่าแทบไม่ต้องกดดันให้ตัวเองกระตืนรือร้นที่จะทำงานในแต่ละวัน เพราะได้ทำในสิ่งที่รักอยู่ตลอดเวลา แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาหยุดที่จะพัฒนาตัวเอง เพราะตระหนักดีว่ากว่าจะก้าวเดินมาถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย กว่าจะสร้างตัวตน ค้นพบเอกลักษณ์และแนวทางของตัวเอง จนกลายเป็นที่ยอมรับและชื่นชอบของคนทั่วไป เขาเชื่อเสมอว่าศิลปิน ต้องไม่หยุดที่จะเรียนรู้ เปิดรับสิ่งใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา .
“เพราะเราคือนักเล่าเรื่อง เราเล่าเรื่องผ่านงานอาร์ต ฉะนั้นเราต้องพาตัวเองออกไปพบเจอกับสิ่งใหม่ๆ สถานที่ สถานการณ์ที่เจ๋ง ที่น่าสนใจ เพื่อที่จะนำสิ่งเหล่านั้นมาตีความและถ่ายทอดบอกเล่าสิ่งต่างๆ นั้นผ่านชิ้นงาน หากให้มองเทรนด์ของงานศิลปะในบ้านเรา ผมว่าคนไทยชอบงานศิลปะ แต่ด้วยปากท้องทำให้คนไทยเข้าถึงศิลปะได้น้อย ชีวิตวันๆ หนึ่งเวลาของเราหมดไปกับการเดินทางฝ่ารถติดไปทำงาน ทำงานเสร็จกลับบ้าน เพียงแค่นี้ผมว่าเหนื่อยแล้ว เมื่อว่างเว้นจากการทำงานทุกคนก็อยากจะพักผ่อน การเดินเข้าแกลอรี่ เสพย์งานศิลป์ มันจึงต้องใช้ความพยายาม กลายเป็นเรื่องยากและไกลตัว ยกเว้นคนที่เรียนศิลปะ หรือมีใจรักชอบในงานอาร์ตจริงๆ คนเหล่านี้จึงเป็นเพียงคนกลุ่มเล็กๆ
แต่ปัจจุบันแบรนด์ต่างๆ ได้เล็งเห็นถึงการนำศิลปะเข้ามาเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งในการสื่อสารแบรนด์ ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะศิลปะนอกจากจะช่วยจรรโลงใจแล้ว ยังสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าได้อีกด้วย เพราะไอเดียและความคิดสร้างสรรค์นั้นเป็นเรื่องที่ผู้บริโภคในปัจจุบันให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เราจึงมักเห็นสินค้าต่างๆ จับมือกับศิลปินทำแคมเปญใหม่ๆ ทำให้งานศิลปะปรับรูปแบบการสื่อสารและเข้าไปอยู่ในสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้คนสามารถเข้าถึงงานศิลปะได้ง่ายขึ้น
โดยส่วนตัวเขาชื่นชอบงานคอลลาบอเรชั่น (collaboration) หรือการจับมือร่วมกันอยู่แล้ว อาจเป็นเพราะเรียนนิเทศศิลป์มา ทำให้ผลงานส่วนใหญ่จึงถ่ายทอดออกมาเพื่อการสื่อสาร อีกทั้ง ชอบที่จะได้เห็นผลงานของตนเองปรากฏในหลากหลายรูปแบบ เพื่อที่จะได้ทำงานโดยก้าวข้ามขีดจำกัดและท้าทายความสามารถเพื่อพัฒนาตนเองไปเรื่อยๆ”
โปรเจคล่าสุด ไตรภัค ได้ร่วมงานกับ MOOSE Cider กับการเป็น Master Crafter คนแรกที่ร่วมเป็นกรรมการตัดสินการประกวด Master Crafter the 1st Edition: ‘Born Crafted เพื่อเฟ้นหาสุดยอดนักคราฟท์ตัวจริง ที่นำสัญลักษณ์ “มูส” มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างงานคราฟท์ 2D Visual Art ชิงเงินรางวัลมูลค่ากว่า 100,000 บาท โดยมีโมเดิร์นเมคเกอร์รุ่นใหม่ส่งผลงานเข้าประกวดกว่า 400 ชิ้นทั่วประเทศ
“งานนี้เหมือนได้สร้างเมล็ดพันธ์ใหม่ๆ ให้กับวงการ ไม่ใช่แค่ผู้เข้ารอบ 30 คน หรือ 4 คนที่คว้ารางวัลไปครอง แต่กว่า 400 คนที่ส่งผลงานเข้าประกวด ทุกกระแส ทุกการบอกต่อห รือการพูดถึงแคมเปญนี้ มันจะผลักดันให้คนรุ่นใหม่กล้าที่จะโชว์ศักยภาพ สำหรับงานนี้ทุกคนได้ประสบการณ์ ได้คอนเนคชั่น ได้กำลังใจ ได้ไอเดียแนวคิดใหม่ๆ กลับไปพัฒนาฝีมือ ส่วนคนที่ได้รับรางวัล เหมือนกับต้นไม้ที่ได้รับการรดน้ำ เขาจะเติบโตผลิดอกออกผล และสุดท้ายคือการส่งต่อ บอกต่อ แชร์ประสบการณ์นี้ เพื่อจุดประกายให้เกิดเมล็ดภัณฑ์ใหม่ขึ้นมาอีกไม่รู้จบ
การจัดการประกวดนี้ จัดเพื่อคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง นอกจากมอบเงินรางวัลแล้ว ยังสนับสนุนต่อยอดให้มีพื้นที่จัดแสดงผลงานของ 30 ผลงานที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศอีกด้วย และเร็วๆนี้ ทาง มูส ไซเดอร์ ก็มีแพลนที่จะทำ Edition ถัดไป”
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจอย่าพลาดติดตามความเครื่องไหวผ่านโซเชียลมีเดียของ MOOSE cider ที่ www.facebook.com/moosecider/ และ https://www.instagram.com/MooseCider/
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี