ปัจจุบันมีข้อมูลจากสื่อต่างๆ คือการเสริมวิตามินแร่ธาตุจะช่วยให้สุขภาพดีขึ้นป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ การอ้างสรรพคุณของผลิตภัณฑ์เหล่านั้นได้ผลจริงหรือไม่ นักวิจัยก็ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ขณะที่นักโภชนาการและนักกำหนดอาหารมักแนะนำว่าถ้ารับประทานอาหารสมดุลครบทุกหมวดหมู่ และมีสุขภาพดีอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเสริม ข้อมูลที่ขัดแย้งนี้มักจะทำให้ผู้บริโภคสับสนและไม่แน่ใจว่าจะเชื่อใคร
ข้อมูลจาก อ.ศัลยา คงสมบูรณ์เวชกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ เปิดเผยว่าปัจจุบันผู้บริโภคใส่ใจเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น แต่เนื่องจากภาวะมลพิษต่างๆ และการรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ผู้บริโภคจึงพยายามมองหาสิ่งชดเชยเพื่อไม่ให้ร่างกายขาดวิตามินเกลือแร่ และยังเป็นการสร้างความอุ่นใจให้กับตัวเองว่าแม้จะกินจากอาหารไม่ครบแต่ก็น่าจะได้รับผลป้องกันจากการเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจึงกลายเป็นทางเลือกของผู้บริโภคทั้งๆ ที่อาจจะไม่ได้ผลตามที่คาดหวังหรือสรรพคุณอ้าง ในบางกรณีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารก็เป็นสิ่งจำเป็นและสามารถช่วยแก้ไขสภาวะะที่บกพร่องของร่างกายได้ เช่น ในประเทศอังกฤษ มีการจัดตั้งโปรแกรมการเสริมอาหารเพื่อแก้ไข ป้องกันและรักษาโรคเด็กเล็กที่เบื่ออาหารได้รับสารอาหารไม่เพียงพอจะได้รับการเสริมอาหาร
ใครบ้างที่ควรเสริมอาหาร โดยปกติผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากการเสริมวิตามินและเกลือแร่ คือ
l ผู้สูงอายุซึ่งรับประทานอาหารไม่เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการหรืออาจมีปัญหาในการดูดซึมวิตามินแร่ที่เสริม ได้แก่ วิตามินซี ดี บี บี12 กรดโฟลิค และสังกะสี
l เด็กที่กำลังอยู่ในวัยเจริญเติบโต เช่น ทารก วัยหนุ่มสาวที่มีความต้องการสารอาหารครบถ้วนในปริมาณต่างๆ
l หญิงที่เตรียมตั้งครรภ์ มักจะได้รับคำแนะนำให้เสริมกรดโฟลิค 400 ไมโครกรัม ก่อนตั้งครรภ์และระหว่าง 12 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันความผิดปกติของระบบประสาท นอกจากนี้การเสริมธาตุเหล็กยังอาจเป็นสิ่งจำเป็นระหว่างตั้งครรภ์
l หญิงให้นมบุตร
l ผู้ป่วยที่ขาดอาหาร ผู้ป่วยฟื้นไข้หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังบางชนิด
l ผู้ที่ลดน้ำหนักโดยรับประทานอาหารที่มีระดับแคลอรีต่ำมาก (ต่ำกว่าวันละ 1200 แคลอรี)
l ผู้ที่ไม่สามารถได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนจากอาหารที่รับประทานเนื่องจากการแพ้อาหาร และจำเป็นต้องงดอาหารที่แพ้หลายชนิดในเวลาเดียวกัน
l ชนชาติที่แต่งกายปกปิดผิวหนังทุกส่วนจนได้รับแสงแดดไม่เพียงพออาจขาดวิตามินดี
l ผู้ที่มีชีวิตที่เร่งรีบจนขาดการเอาใจใส่ในการรับประทานอาหารอย่างถูกต้องผู้ที่สูบบุหรี่ซึ่งมักมีระดับวิตามินซีในเลือดต่ำ
l มังสวิรัติชนิดเคร่ง (Vegan) ซึ่งงดเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์สัตว์ทุกชนิดจะได้รับประโยชน์จากการเสริมวิตามินบี 12 และสังกะสี
l ผู้ที่ไม่ดื่มนมหรือรับประทานผลิตภัณฑ์นม และรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมไม่เพียงพอ หรือหญิงวัยทองที่เสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน จะได้รับประโยชน์จากการสริมแคลเซียมและวิตามินดี
l หญิงที่มีรอบเดือน หรือผู้มีโลหิตจางควรได้รับการเสริมธาตุเหล็ก เป็นต้น
ดังนั้นไม่ได้หมายความว่าทุกคนจำเป็นจะต้องรับประทานวิตามินและแร่ธาตุเสริมแทนอาหารอย่างที่คนทั้งหลายเข้าใจกันผิดๆ ปกติแล้ววิตามินและเกลือแร่เป็นสิ่งที่ร่างกายต้องการเพียงวันละเล็กน้อย แต่มีความจำเป็นเนื่องจากความสมดุลของสารอาหาร วิตามินและแร่ธาตุไม่สามารถแยกการทำงานแบบต่างคนต่างทำได้ ฉะนั้นการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่และให้มีความสมดุลในแต่ละหมู่ทุกวันเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้ร่างกายได้รับวิตามินและเกลือแร่เพียงพอ ในทางตรงกันข้ามถ้าเสริมมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการและร่างกายไม่สามารถขจัดทิ้งได้ก็จะทำให้เกิดโทษได้
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทวิตามินเกลือแร่ที่มีปริมาณสูงๆ ถึง 100-200% ของข้อกำหนดมาตรฐานความต้องการประจำวัน (RDA) อาจให้โทษได้ เช่น วิตามินเอและดี ถ้ารับประทานเกิน 100% ของค่ากำหนดมาตรฐานประจำวันจะทำให้เป็นพิษได้ โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ไม่ควรรับประทานวิตามินเอเกินวันละ 5,000 ไอยู เพราะอาจทำให้ทารกเกิดมาพิการได้ การเสริมธาตุเหล็กมากเกินควรอาจก่อให้เกิดโรคเลือดได้
จะเลือกวิตามินอย่างไร คนที่จำเป็นต้องรับประทานวิตามินและเกลือแร่ในการเลือกซื้อควรพิจารณาดังนี้ คือ ตรวจวันหมดอายุฉลากบนขวดวิตามิน เลือกวิตามินในขนาด 100%, ของข้อกำหนดมาตรฐานความต้องการประจำวันของร่างกาย หากไม่แน่ใจควรปรึกษาแพทย์ เภสัชกร และนักโภชนาการนักกำหนดอาหารเสียก่อน, ไม่จำเป็นที่จะต้องเลือกชนิดที่แพง แต่เลือกที่คุณภาพเพราะราคาที่แพงนั้นส่วนใหญ่แพงเพราะชื่อทางการค้าและการโฆษณา, บางชนิดมีคำว่า “ธรรมชาติ” บนฉลาก เพื่อดึงดูดความสนใจว่าเป็นวิตามินจากธรรมชาติ แต่จริงๆแล้ววิตามินที่ขายแม้จะอยู่ในรูปของธรรมชาติแต่ก็จะมีส่วนผสมของวิตามินสังเคราะห์เสมอ, บางชนิดระบุว่าเป็นสูตรลดความเครียด ซึ่งเป็นข้อความที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด แท้จริงไม่มีสูตรที่มีผลต่อความเครียดทางอารมณ์หรือทางกายภาพ,กรณีที่รับประทานแคลเซียมเสริม ไม่ควรรับประทานพร้อมวิตามินรวมที่มีธาตุเหล็กเพราะทั้ง 2 ตัวจะลดการดูดซึมซึ่งกันและกัน,สำหรับการเก็บวิตามินไว้ในที่แห้งและเย็น ความชื้นจะทำให้วิตามินสูญเสียคุณภาพได้
สิ่งที่ผู้บริโภคควรตระหนักคือไม่ควรยึดอาหารเสริมเป็นอาหารหลัก หรือหวังใช้อาหารเสริมแทนอาหารหลัก แต่ถ้าอยากจะใช้และไม่สร้างปัญหาในทางการเงินให้กับตัวเองแล้วล่ะก็ ควรเลือกใช้ให้ถูกชนิดและเหมาะสมกัยสภาพร่างกาย สภาวะการดำเนินชีวิตของตนเอง อย่าคาดหวังว่าอาหารเสริมจะเป็นยาวิเศษหรือสิ่งมหัศจรรย์ที่จะช่วยให้ปลอดจากโรคทุกชนิด แม้ผู้ที่มีโรคก็ไม่ควรละเลยกับยาที่แพทย์สั่งให้รับประทาน อย่าลืมว่าอาหารหลัก5 หมู่ ร่วมกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอย่อมมาก่อน
ผ.ศ. (พิเศษ) ดร. อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี