นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบงานศิลปะและได้มาเยือนกรุงมาดริด ไม่เพียงต้องไปเยือนห้องภาพ Prado แล้ว สถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งที่ต้องไปเยือนให้ได้ ไม่เช่นนั้นเหมือนมาไม่ถึงมาดริดก็คือ Thyssen Bornemisza National Museum ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากห้องภาพ Prado มากนัก สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้เป็น 1 ใน 3 ของสามเหลี่ยมทองคำแห่งศิลปะอันประกอบด้วย ห้องภาพ Prado และ Reina Sofia NationalGallery การที่ห้องภาพแห่งนี้มีชื่อเสียงเป็นเพราะที่นี่เป็นห้องภาพเอกชนที่ใหญ่อันดับสองของโลกรองจาก BritishRoyal Collection ห้องภาพของ Baron Thyssen แห่งนี้เริ่มต้นจากงานสะสมตั้งแต่ทศวรรษที่ 1920
เริ่มแรกนั้นท่านบารอนได้เก็บงานสะสมไว้ที่บ้านที่ออกแบบเลียนแบบ Neue Pinakothek เมืองมิวนิกเยอรมันจำนวน 20 กว่าห้องในเมืองลูกาโน เมื่องานสะสมมากขึ้น ท่านบารอนต้องการขยายพื้นที่จึงได้จ้าง James Stirling และ Michael Wilfordสถาปนิกชาวอังกฤษมาขยายพื้นที่บ้านเดิม แต่ถูกคณะกรรมการเมืองลูกาโนปฏิเสธ เมื่อท่านบารอนแต่งงานกับCarmen Cervera มิสสเปนในปี 1961 เธอจึงชักชวนให้ท่านบารอนย้ายของสะสมมาไว้ที่สเปน ณ ห้องภาพที่ตั้งอยู่ใกล้ห้องภาพ Prado จนกลายเป็นจุดกำเนิดของ Thyssen BornemiszaMuseum
Thyssen Bornemisza Museumเปิดทำการครั้งแรกในปี 1992โดยจัดแสดงงานจิตรกรรม 715 ชิ้นปีต่อมารัฐบาลสเปนได้ซื้องาน 775 ชิ้นเป็นเงิน 350 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยวัตถุประสงค์จะจัดตั้งมิวเซียมในเมืองมาดริด หลังจากมิวเซียมเปิดตัวในปี 1999 Cervera ได้ให้มิวเซียมยืมงาน 429 ชิ้น เป็นเวลา 11 ปี และต่อสัญญาปีต่อปีหลังปี 2012 เป็นต้นมา นอกจากเธอจะให้ยืมผลงานศิลปะมาจัดแสดงแล้ว เธอยังมีส่วนร่วมในการออกแบบภายในมิวเซียมด้วย
สถานที่ตั้งของมิวเซียมที่มีชื่อเรียกว่า El Palacio de Villahermosa นี้เป็นพระราชวังที่สร้างขึ้นตอนสิ้นคริสต์ศตวรรษที่ 18 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Neoclassic มิวเซียมที่ประกอบด้วย 3 ชั้นแห่งนี้ มีผลงานศิลปะของยุโรปจัดแสดงหลายศตวรรษ วิธีการเข้าชมควรเรียงลำดับตามเวลาโดยเริ่มชมผลงานจากชั้นสองแล้วต่อไปชั้นหนึ่งก่อนจบที่ชั้นใต้ดิน แม้ที่นี่จะไม่ได้มีผลงานมากมายเฉกเช่นเดียวกันกับมิวเซียม Prado แต่ก็มีผลงานที่น่าประทับใจมากมายเช่นกัน อาทิ Woman with a Parasol in a Garden by Pierre Auguste Renoir, The stevedores in Arles และ Les Vessenots in Auvers by Vincent Van Gogh, Street with Red Streetwalker by Ernst Ludwig Kirchner และ Mata Mua by Paul Gauguin ส่วนนักท่องเที่ยวที่ไม่ชอบการเยือนมิวเซียมก็สามารถนั่งจิบกาแฟ น้ำส้ม หรือไวน์ได้ที่ค็อฟฟี่ช็อปด้านหน้ามิวเซียมซึ่งมีบรรยากาศดีเลิศ แถมยังนอนเอกเขนกได้อีกต่างหาก มิวเซียมแห่งนี้จึงไม่เพียงเป็นสวรรค์สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบงานศิลปะ แต่เป็นสวรรค์ของทุกคนเลยทีเดียว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี