The Thaw at Vétheuil

นิทรรศการ Monet Boudin ที่จัดแสดงใน Thyssen Museum ไม่เพียงจะมีผลงานของ Boudin อาจารย์เท่านั้น ย่อมต้องมีผลงานของ Monet หรือ Claude Monet จิตรกรผู้ก่อตั้งศิลปะแนว Impressionism ที่เลื่องชื่อที่สุดคนหนึ่ง ในประวัติศาสตร์ศิลป์ด้วย Claude Monet มีชื่อจริงว่า Oscar Claude Monet เขาเกิดวันที่ 14 พฤศจิกายน 1840 โดยเป็นบุตรชายคนที่สองของ Claude Adolphe Monet และ Louise Justine Aubree Monet ชาวปารีสพ่อของเขาย้ายไปอยู่ที่เมือง Le Harve แคว้นนอร์มังดีในปี 1845 เพื่อค้าขายเขาเข้าเรียนที่ Le Havresecondary school of arts ก่อนได้พบกับ EugeneBoudin ซึ่งกลายเป็นผู้สอนศิลปะแก่เขาในปี 1856 Boudin ได้สอนเทคนิคการวาดภาพกลางแจ้งซึ่งกลายเป็นผู้มีอิทธิพลต่องานของ Monet ต่อมาจนชั่วชีวิต

เมื่อ Monet อายุ 16 ปี มารดาของเขาเสียชีวิต เขาจึงย้ายไปอยู่กับน้าที่เป็นม่าย เพราะบิดาไม่สนับสนุนให้เขาเป็นศิลปิน ต่อมาเขาตัดสินใจย้ายไปอยู่ปารีส แต่แทนที่เขาจะหัดวาดภาพด้วยการลอกเลียนแบบงานศิลปะรุ่นเก่าในพิพิธภัณฑ์ลูฟท์เฉกเช่นเดียวกันกับที่ศิลปินอื่นในสมัยนั้นทำ เขากลับนำพู่กันและจานสีไปหัดวาดภาพตามที่ตัวเองเห็น ต่อมาเขาเข้ารับราชการทหารที่แอลจีเรีย และไปติดไทฟอยด์ในค่ายทหาร น้าของเขาจึงหาทางให้เขาออกจากค่ายโดยไม่ต้องลาและส่งเขาเข้าเรียนโรงเรียนศิลปะที่ซึ่งเขาได้พบกับ Pierre Auguste Renoir และ Alfred Sisley ศิลปินทั้งสามจึงได้ร่วมกันถ่ายทอดความรู้และแนวทางศิลปะแก่กันทั้งในแง่ของสีและการลงฝีแปรงจนเป็นที่มาของแนวทางศิลปะแบบ Impressionism

Charing Cross Bridge

ในปี 1865 Monet ได้วาดภาพ The Woman in the Green Dress โดยใช้ Camille Doncieux ภรรยาในอนาคตเป็นแบบเพื่อไว้แขวนใน Salon de Paris แทนภาพของ Manet ที่ถูกปฏิเสธก่อนหน้า ถึงกระนั้นก็ตาม งานของเขาและศิลปินแนว Impressionism คนอื่น อาทิ Pierre Auguste Renoir, Camille Pissarro,
Edouard Manet และ Alfred Sisley กลับไม่ได้รับการยอมรับมากนัก พวกเขาจึงได้ร่วมกันจัดแสดงนิทรรศการผลงานแนว Impressionism ของสมาชิกในกลุ่มขึ้นเองในเดือนเมษายน 1874 ณ 35 boulevarddes Capucines กรุงปารีส โดยในการนี้ผู้เข้าชมต้องจ่ายเงิน 60 ฟรังก์ เพื่อเข้าชมและไม่มีการแข่งประกวดใดๆ ทั้งนั้นอย่างไรก็ดี งานนี้กลับมีผู้เข้าชมมากถึง 3,500 คน และมีภาพของศิลปินหลายคนถูกซื้อไปด้วย

การที่ Monet ชื่นชอบการวาดภาพทิวทัศน์ทำให้เขาตัดสินใจเช่าบ้านขนาด 2 เอเคอร์ ที่มีสวนในเมือง Giverny ในเดือนพฤษภาคม 1883 และย้ายครอบครัวไปอยู่ที่นั่น บ้านหลังนี้มีห้องวาดภาพ และอยู่ใกล้โรงเรียนที่เขาสามารถส่งลูกไปเรียนได้ อีกทั้งยังมีทิวทัศน์ที่น่าสนใจมากมายที่ทำให้ Monet สามารถรังสรรค์งานได้อย่างจุใจ หลังจาก Monet ได้รู้จักกับ Paul Durand Ruel ตัวแทนขายภาพ เศรษฐานะของเขาก็เริ่มดีขึ้น เพราะเขาสามารถขายผลงานมากขึ้นจนสามารถซื้อบ้านที่เช่าได้ อีกทั้งยังสามารถสร้างโรงเรือนเก็บต้นไม้และห้องเขียนภาพที่สองขึ้น ในปี 1893 เขาได้ซื้อทุ่งหญ้าเพิ่มขึ้นอีกและออกแบบแปลงสวนให้มีบ่อปลูกลิลลี่ อีกทั้งยังสั่งต้นไม้จากอียิปต์มาปลูกด้วยซึ่งกลายเป็นแบบให้กับงานของเขาต่อมาอีกยาวนาน

Low Tide at Varengeville

หลังจาก Alice ภรรยาคนที่สองและ Jean บุตรชายคนโตของ Monetเสียชีวิตในปี 1914 บุตรสาวของภรรยาคนที่สองของเขาก็กลายเป็นผู้ดูแลเขาในช่วงที่เขาเริ่มมีต้อกระจก ระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง Michel ลูกชายคนที่สองของเขาถูกเกณฑ์เป็นทหาร เขาจึงได้วาดภาพต้นหลิวเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงการเสียชีวิตของทหาร ในช่วงเวลานั้นภาพเขียนของเขาจะออกสีแดงๆ อันเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ป่วยเป็นโรคต้อกระจก แต่หลังจากที่เขาผ่าตัดเอาต้อกระจกออก เขาก็ได้ทำการเปลี่ยนภาพให้เป็นสีฟ้ามากขึ้นMonet เสียชีวิตด้วยวัย 86 ปี และทิ้งงานทั้งหมดไว้ให้เป็นสมบัติของ Michelบุตรชาย ก่อนที่บุตรชายของเขาจะยกบ้านและสวน รวมทั้งผลงานให้กับ French Academy of Fine Art ผู้รับมอบจึงได้เปิดให้สาธารณชนได้เข้าชมบ้านของ Monet นับจากปี 1980 เป็นต้นมา

นักท่องเที่ยวที่ได้มีโอกาสชมนิทรรศการ Monet Boudin ที่ Thyssen Museum เมืองมาดริด จะได้ชมผลงานดังๆ ของ Monet อย่างจุใจไม่ว่าจะเป็น The Hut in Trouville ภาพที่ศิลปินสามารถใช้ฝีแปรงเพียงครั้งเดียวรังสรรค์ความมีชีวิตชีวาให้กับท้องทะเลได้อย่างน่าทึ่ง, The Thaw at Vetheuil ภาพช่วงเวลาที่น้ำแข็งกำลังละลายหลังจากแม่น้ำทั้งสายกลายเป็นน้ำแข็งนั้นเป็นช่วงเวลาที่หาชมได้ยาก ศิลปินสามารถรังสรรค์งานจนผู้ชมสามารถสัมผัสถึงความเย็นยะเยือกได้เลยทีเดียว รวมทั้ง Charing Cross Bridge, Low Tide at Varengeville ด้วย

The House among the Roses

The Hut in Trouville, Low Tide