เมื่อวันก่อน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้แถลงเผยแนวทางในการเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งสำหรับรัฐต่างๆ แล้ว และเขาได้บอกกับบรรดาผู้ว่าการรัฐผ่านทางโทรศัพท์ว่า การตัดสินใจอยู่ที่พวกเขาว่าจะเปิดรัฐ เมื่อไหร่และอย่างไรท่าทีดังกล่าวเปลี่ยนแปลงจากก่อนหน้าที่เขาแถลงว่าประธานาธิบดีมีอำนาจเต็มในการสั่งรัฐให้เปิดหรือไม่เปิดก็ได้ และทรัมป์ได้แสดงความชัดเจนมาตลอดว่า ต้องการให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศกลับมาเดินหน้าอีกครั้ง ถึงกับบอกด้วยว่า บางรัฐเช่น มอนทานาไวโอมิ่ง นอร์ทดาโกตา สถานการณ์แตกต่างจากนิวยอร์กและนิวเจอร์ซีย์มาก สามารถกลับมาเปิดเมืองได้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมาด้วยซ้ำ แม้มีคำเตือนจากทุกภาคส่วนเรื่องศักยภาพในการตรวจหาเชื้อที่ยังไม่มากพอ
อย่างไรก็ตาม แนวทางที่รัฐบาลกลางจัดทำนี้ ไม่ได้กำหนดว่าทุกรัฐต้องปฏิบัติตาม และในขณะที่ ผู้ว่าการหลายรัฐได้ขยายมาตรการปิดเมืองไปจนถึง เดือนพฤษภาคมแล้ว หรือไม่ก็รวมกลุ่มรัฐกันเพื่อจัดทำแผนเปิดเมืองด้วยกัน
สำหรับเอกสารแนวทางเปิดเมืองที่แจกจ่ายไปยัง 50 รัฐ นั้นกำหนดการเปิดเมืองไว้ 3 ระยะขึ้นอยู่ว่าแต่ละรัฐมีจำนวนผู้ป่วยเท่าไหร่ และศักยภาพของโรงพยาบาลอย่างไร ข้อกำหนดสำหรับระยะแรกคือ มีอัตราผู้ติดเชื้อที่ลดลงติดต่อกัน 14 วัน และโรงพยาบาลในรัฐกลับไปอยู่ในสภาวะเดิมเหมือนตอนก่อนเกิดวิกฤติ นอกจากนี้ยังแนะนำให้แต่ละรัฐจัดหาพื้นที่สำหรับการคัดกรองและตรวจหาเชื้ออย่างรวดเร็ว รวมถึงต้องจัดหาอุปกรณ์ป้องกันตนเองให้บุคลากรในโรงพยาบาลด้วย ในขณะที่มาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม และการรักษาสุขอนามัยยังคงต้องมีต่อไป
ในระยะแรกของการเปิดเมือง กำหนดว่า
-โรงเรียนยังคงต้องปิดอยู่
-พนักงานธุรกิจต่างๆ หากมีส่วนใดที่สามารถทำงานจากบ้านได้ ก็ให้ทำต่อไป
-สถานที่สาธารณะอื่นๆ เช่น ร้านอาหาร และสถานที่ออกกำลังกายเปิดได้ แต่ต้องรักษาระยะห่างของผู้คน
-ยังไม่อนุญาตให้มีการเปิดบาร์
-ให้ลดการเดินทางที่ไม่จำเป็น และแนะนำให้คนกลุ่มยังคงอยู่ในบ้าน
สำหรับระยะที่สองและสาม เป็นการค่อยๆผ่อนคลายข้อจำกัดต่างๆ จากระยะที่หนึ่งนั่นเอง
ทรัมป์ระบุว่า เราไม่สามารถเปิดได้ทีเดียว แต่ต้องทำทีละขั้น และแต่ละรัฐสามารถออกแบบแผนการเปิดเมืองเองได้ด้วย หากใครจะยังคงปิดอยู่ รัฐบาลก็อนุญาตให้ทำได้ อย่างไรก็ดี เขาส่งสัญญาณว่ามีเกือบ 30 รัฐที่ทรงดี น่าจะกลับมาผ่อนคลายได้ บางรัฐอาจเปิดได้เร็วก่อน 1 พฤษภาคม ทรัมป์ยังแนะนำด้วยว่าการปิดประเทศระยะยาวทำให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของประชาชนอย่างมากเขาเตือนถึงการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในการใช้ยาเสพติด, การดื่มเหล้า, โรคหัวใจและปัญหาทางกายและจิตใจอื่นๆ
ก่อนหน้านี้ ผู้ว่าการรัฐแถบมิดเวสต์ เช่น มิชิแกน โอไฮโอมินเนโซตา วิสคอนซิน อิลลินอยส์อินดิเอนา และเคนตักกี ที่มาจากทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ได้ประกาศว่าจะร่วมมือกันทำแผนกลับมาเปิดเศรษฐกิจ เพื่อให้ภาคธุรกิจต่างๆ กลับมาเดินได้อีกครั้ง หลังใช้มาตรการล็อกดาวน์ปิดทุกอย่างมานานกว่า 3 สัปดาห์ เพื่อป้องกันโควิด-19 จนกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจทั้งประเทศ ขณะที่ตัวเลขว่างงานของชาวอเมริกันพุ่งสูงมาก โดยมีชาวอเมริกันถึง 22 ล้านคน ลงชื่อขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานในช่วงเดือนที่ผ่านมา
สำหรับตัวเลขผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ เพิ่มเป็น 36,000 คน และติดเชื้อทั่วประเทศมากกว่า 700,000 คน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี