สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย จัดพิธีมอบรางวัลและเปิดนิทรรศการผลงานการประกวดการออกแบบเครื่องแต่งกาย “ผ้าไทยใส่สบาย” ปี 2563โดยได้รับเกียรติจาก นายอิทธิพล คุณปลื้มรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นประธาน มอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะการประกวดและผู้ผ่านการคัดเลือกจำนวน15 คน พร้อมด้วย นางสาววิมลลักษณ์ ชูชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย เข้าร่วมในพิธีเปิดนิทรรศการ Contemporary Fashion Competition 2020 จัดแสดงผลงานการออกแบบจากดีไซเนอร์ที่เข้าร่วมโครงการกว่า 60 ชุดผลงาน ระหว่างนี้จนถึงวันที่ 3 สิงหาคม 2563 ตั้งแต่เวลา10.00-19.00 น. ณ ชั้น 2 หอศิลปร่วมสมัยราชดำเนิน

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า การส่งเสริมให้นักออกแบบรุ่นใหม่ หันมาใช้ผ้าไทย ซึ่งมีความหลากหลายทั้งชนิดของเส้นใย กรรมวิธีการผลิต สีสัน และลวดลาย นำมาออกแบบตัดเย็บให้เป็นที่นิยมแก่ประชาชนชาวไทยทุกเพศ ทุกวัยทุกสาขาอาชีพ นับเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งในการสืบสาน รักษา และต่อยอด มรดกทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม จึงมอบหมายให้สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ดำเนินโครงการที่ให้ความสำคัญต่อการสร้างสรรค์ผลงานการออกแบบเครื่องแต่งกายจากผ้าไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเปิดโอกาสให้นักออกแบบเครื่องแต่งกายรุ่นใหม่ ได้แสดงศักยภาพในการออกแบบเครื่องแต่งกาย โดยนำผ้าไทยมาเป็นวัตถุดิบในการสร้างสรรค์ผลงาน

“โจทย์ในปีนี้คือ ผ้าไทยใส่สบายเราได้ผู้ผ่านเข้ารอบ 15 ท่าน จากจำนวนผู้ส่งผลงานเข้าประกวดทั้งสิ้น 206 ผลงานโดยมี ศิริชัย ทหรานนท์, พลพัฒน์ อัศวะประภา,ธีระ ฉันทสวัสดิ์, พลัฏฐ์ พลาฎิ และอธิษฐ์ ฐิรกิตติวัฒน์ ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิในวงการแฟชั่น ได้ให้เกียรติมาเป็นคณะกรรมการตัดสิน ซึ่งได้พิจารณาแล้วว่ามีความสวยงาม โดดเด่น และร่วมสมัย และขอเชิญชวนประชาชนมาชมนิทรรศการการออกแบบผ้าไทยร่วมสมัยจากผลงานของทั้ง 15 ท่าน จำนวน 60 ชุดผลงาน ได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 3 สิงหาคมนี้ ที่หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน”

ธีระ ฉันทสวัสดิ์ หรือ “อาจารย์ต่าย”ตัวแทนคณะกรรมการตัดสิน กล่าวว่าการตัดสินในครั้งนี้ ทางคณะกรรมการได้กำหนดรายละเอียดและเกณฑ์การตัดสิน ดังนี้ การสร้างสรรค์เครื่องแต่งกายที่สอดคล้องกับแนวคิดที่กำหนดไว้, มีความสวยงาม ความกลมกลืนและลงตัว, ความประณีตในการตัดเย็บ, การใช้วัสดุหลักและโทนสีตามแบบร่าง, สามารถสวมใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน และการมีส่วนร่วมกับชุมชนในการผลิตผ้าไทย

“ผ้าไทยมีหลายชนิด มีหลายขั้นตอนในการผลิตกว่าจะได้ผ้าไทยมาสักหนึ่งผืน เราจึงคัดเลือกผลงานจากการออกแบบ
เสื้อผ้าที่สามารถสวมใส่ได้จริงในชีวิตประจำวันเพราะทัศนคติของคนไทยมองว่า ผ้าไทยจับต้องยากมีราคาแพง จึงอยากให้เปลี่ยนทัศนคติ เปลี่ยนมุมมองใหม่ว่า ผ้าไทยไม่ได้มีแต่ “ผ้าไหม” ที่ราคา 10,000 บาท แต่ยังมีผ้าไทยอื่นๆ ราคาหลักร้อยบาทที่เราสามารถจับต้องได้อีกมากมาย ดังนั้น การตีโจทย์ของผู้ประกวดแต่ละคนก็มีคาแร็กเตอร์ที่แตกต่างกัน แต่ที่สำคัญคือจะต้องมีความคิดสร้างสรรค์

จึงอยากฝากถึงทุกคน อยากให้ทุกคนเปลี่ยนทัศนคติและมุมมองต่อผ้าไทยใหม่เพราะผ้าไทยเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมในงานช่างฝีมือที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ คือรากเหง้าที่สืบทอดกระบวนการผลิตมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ เพียงแค่เรารู้จักครีเอทนำผ้าไทยมาใส่ผสมรวมกับผ้าทั่วไป แค่นี้เราก็สามารถใส่ในชีวิตประจำวันได้แล้ว และฝากถึงนักออกแบบรุ่นใหม่ทุกคน พวกคุณคือกำลังสำคัญของวงการแฟชั่น ดังนั้น สิ่งสำคัญที่จะคงอนุรักษ์ผ้าไทยไว้ คือ เราต้องคิดว่าจะนำผ้าไทยกลับมาใช้ยังไงให้ดูตื่นเต้น โดยที่ไม่เชย หรือซ้ำซาก สามารถสวมใส่ในชีวิตประจำวันได้ดูแลรักษาได้ง่าย และราคาสามารถสัมผัสได้”

ด้าน นางสาวอนุชฎา ชูเกลี้ยง ผู้ชนะเลิศการประกวดออกแบบเครื่องแต่งกาย“ผ้าไทยใส่สบาย” ปี 2563 กล่าวว่า ตนเองเป็นคนใต้ บ้านเกิดอยู่ใกล้กับ “เทือกเขาบรรทัด” จึงตั้งชื่อผลงานว่า “บรรทัด”เป็นการออกแบบเสื้อผ้าโดยการนำเอา ผ้าไหมมาตัดเย็บผสมกับผ้าแก้ว และผ้าสเปนเดก ซึ่งเป็นผ้ายืดที่หาซื้อได้ทั่วไปตามท้องตลาดเพราะคิดว่าผ้าไทยไม่ได้ใส่เฉพาะแค่ผู้สูงอายุเท่านั้น แต่คนรุ่นใหม่ก็สามารถใส่ได้เช่นกัน รู้สึกดีใจที่ผลงานของเราได้ถูกรับเลือก ซึ่งตนตั้งใจที่จะสืบสานอนุรักษ์ผ้าไทยให้คงอยู่ต่อไป

ทั้งนี้ ผลการตัดสินการประกวดออกแบบเครื่องแต่งกาย “ผ้าไทยใส่สบาย” ปี 2563 มีดังนี้ รางวัลชนะเลิศ ได้รับโล่รางวัลและเงินรางวัลจำนวน 50,000 บาท ได้แก่ นางสาวอนุชฎา ชูเกลี้ยง, รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับโล่รางวัลและเงินรางวัลจำนวน 40,000 บาท ได้แก่ นายณาร์รา สินถ่วง, รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้รับโล่รางวัลและเงินรางวัลจำนวน 30,000 บาท ได้แก่ นายรักสวัสดิ์ สวัสดิ์รักษ์, รางวัลชมเชยประเภทเทคนิคการสร้างสรรค์ผ้า ได้รับโล่รางวัลและเงินรางวัลจำนวน 20,000 บาท ได้แก่ นายนรบดี ศรีหะจันทร์,รางวัลชมเชยประเภทเทคนิคการสร้างสรรค์ผ้า ได้รับโล่รางวัลและเงินรางวัลจำนวน 20,000 บาท ได้แก่ นายประสบชัย วิจารณ์พล