ตะลอนเที่ยวสัปดาห์นี้ ขออนุญาตนำเสนอพระราชประวัติสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวีพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า พร้อมทั้งนำเสนอพระตำหนักที่ประทับของพระองค์ท่านในสถานที่สำคัญต่างๆ เนื่องจากในเดือนกันยายน เป็นเดือนพระราชสมภพของพระองค์
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าลูกเธอ ลำดับที่ 60 ในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช และลำดับที่ 4 ในสมเด็จพระปิยมาวดีศรีพัชรินทรมาตา (เจ้าคุณจอมมารดาเปี่ยม) พระราชสมภพในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันพุธ เดือน 10 แรม 2 ค่ำ ปีจอ จัตวาศก จ.ศ. 1224 ซึ่งตรงกับวันที่10 กันยายน พ.ศ. 2405 ทรงมีพระนามเดิม เมื่อประสูติว่าพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา ทรงมีพี่น้องร่วมพระมารดา 6 พระองค์ ได้แก่ พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอุณากรรณอนันตนรไชย, พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์, พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์, พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา,พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี และ พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ
เมื่อทรงพระเยาว์ ทรงรับการศึกษาตามแบบกุลสตรีในวังหลวง ทรงเล่าเรียนภาษาอังกฤษ จนสามารถอ่านออกและฟังเข้าพระทัย ต่อมาทรงเข้ารับราชการเป็นพระภรรยาเจ้า ในรัชกาลที่ 5 แล้วต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ซึ่งสวรรคต ขึ้นเป็นสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี พร้อมกับสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวีเสมอกัน ซึ่งในช่วงเวลานั้นพระองค์ทรงมีพระราชกรณียกิจออกรับแขกเมืองในฐานะพระราชินีแห่งกรุงสยาม
ภายหลังการสวรรคตของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ กรมขุนเทพทวาราวดี พระราชโอรสของพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี ขึ้นเป็นสยามมกุฎราชกุมารพระองค์ต่อไป พร้อมทั้งสถาปนาพระอิสริยยศของพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี ขึ้นเป็นสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระอัครราชเทวี ในฐานะเป็นพระราชชนนีในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ
พระตำหนัก ที่ประทับในพระบรมมหาราชวัง
ครั้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวพระองค์ทรงได้รับการเฉลิมพระนามาภิไธยเป็น สมเด็จพระมาตุจฉาเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี พระองค์ทรงเป็นพระธุระให้พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี พระมเหสีในรัชกาลที่ 6 ตั้งแต่ทรงพระครรภ์จนถึงมีพระประสูติกาลสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี โดยพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ทรงเล่าถึงสมเด็จพระมาตุจฉาเจ้าฯ ว่า “ถ้าไม่ได้ท่าน เจ้าฟ้าก็ไม่ได้เป็นพระองค์” ซึ่งมีพระประสูติกาลก่อนสมเด็จพระราชบิดาเสด็จสวรรคตเพียงหนึ่งวัน โดยก่อนที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจะเสด็จสวรรคต ได้ทรงมีพระราชดำรัสทรงฝากฝังพระราชธิดาไว้กับ “สมเด็จป้า”
ครั้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาให้ทรงดำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสามาตุจฉาเจ้า
ต่อมาเมื่อพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล พระราชนัดดา เสด็จขึ้นทรงราชย์เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทรงเฉลิมพระนาม ขึ้นเป็นสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า และทรงดำรงพระอิสริยยศนี้จนตลอดพระชนมายุ
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงเป็นองค์ประธานในพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ณ พระตำหนักใหญ่ วังสระปทุม เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2493
พระองค์ทรงพระประชวรด้วยพระอาการอักเสบที่พระปับผาสะ จนกระทั่งกลางดึกคืนวันที่ 16 ธันวาคม 2498 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปยังวังสระปทุม เมื่อเวลาประมาณ 2 ยาม เนื่องจากคณะแพทย์ที่ถวายการรักษากราบบังคมทูลว่าพระอาการหนักสุดที่จะแก้ไขแล้ว ภายในห้องพระบรรทมนั้น พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ประทับยืนอยู่ปลายพระบาทพร้อมด้วยคณะแพทย์และพยาบาลที่เฝ้าพระอาการ ส่วนหน้าห้องพระบรรทมนั้น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ประทับอยู่ นอกจากนั้นก็มีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวาปีบุษบากร หม่อมเจ้าที่ทรงเป็นหลานๆ และข้าหลวงหมอบเฝ้า
ช่วงเวลาตีสอง สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าเสด็จสวรรคตด้วยพระหทัยวายในพระอาการสงบ เมื่อเวลา 02.16 น. ของวันที่17 ธันวาคม 2498สิริพระชนมพรรษารวม 93 พรรษา 3 เดือน 7 วัน โดยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ถวายบังคมอยู่ที่เบื้องปลายพระบาท
พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพมีขึ้นในวันที่ 23 เมษายน 2499 พระบรมอัฐิประดิษฐาน ณ ชั้น 3 พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระบรมราชสรีรางคาร บรรจุภายใต้ฐานชุกชี พระสัมพุทธวัฒโนภาส ในพระอุโบสถ วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร
ต่อมาในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2554 ที่ประชุมใหญ่องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ(ยูเนสโก) ประกาศยกย่องเป็นบุคคลสำคัญของโลก เนื่องในโอกาสวันครบรอบ 150 ปี วันคล้ายวันพระราชสมภพ วันที่10 กันยายน พ.ศ. 2555 ในฐานะที่ทรงมีผลงานดีเด่นด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์สุขภาพและการอนุรักษ์พัฒนาด้านวัฒนธรรม
และในโอกาสนี้ ขอนำเสนอภาพพระตำหนักที่ประทับของพระองค์ท่านในที่ต่างๆ เช่น พระบรมมหาราชวัง พระราชวังดุสิต และวังสระปทุม เพื่อให้ได้ทราบว่าพระองค์ท่านเคยประทับ ณ สถานที่แห่งใดบ้าง
(ขอกราบขอบคุณภาพและเรื่องจากสมาคมสุริยวุฒิศิลปทัศนา)
พระตำหนักสวนหงส์ ที่ประทับในพระราชวังดุสิต
พระตำหนัก ที่ประทับในวังสระปทุม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี