ตลอดหลายปีที่ผ่านมานักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากเคยคาดการณ์มาตลอดว่า สกุลเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงเรื่อยๆ หลังเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน การเข้ามาของสกุลเงินดิจิทัลหยวน รวมไปถึง ความไม่แน่นอนทางนโยบายของสหรัฐ และวิกฤติการระบาดของโควิด-19
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (U.S. Dollar Index) ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของค่าเงินหลักของโลก 6 สกุลต่อดอลลาร์สหรัฐ ได้แก่ สกุลเงินยูโร เยนของญี่ปุ่น ปอนด์สเตอร์ลิงของอังกฤษ ดอลลาร์แคนาดา โครนของสวีเดน และ ฟรังก์สวิสของสวิตเซอร์แลนด์ อ่อนค่าลงไปแล้วกว่า 3.43% ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ดัชนีดอลลาร์สหรัฐร่วงแตะระดับ 92.14 ที่ต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2561 หลังจากร่วงลงอย่างหนักไปแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า สาเหตุของการอ่อนค่าส่วนใหญ่ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกาที่สูงสุดเป็นอันดับ 1 ของโลก ความไม่แน่นอนจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ที่กำลังจะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ และการดำเนินมาตรการทางการเงินแบบผ่อนคลายของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด รวมไปถึงการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่เป็นประวัติการณ์กว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ ของรัฐบาลสหรัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
เนื่องจากตามหลักเศรษฐศาสตร์ ได้อธิบายว่า การใช้มาตรการการเงินแบบผ่อนคลายของธนาคารกลาง ไม่ว่าจะเป็น การตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่
ระดับใกล้ศูนย์ ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำมาก รวมถึงการพยายามเพิ่มเงินเข้าสู่ระบบด้วยโครงการเงินกู้ที่หลากหลาย คือการกระตุ้นอุปสงค์และเงินเฟ้อให้สูงขึ้น ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่ทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงทั้งสิ้นตัวอย่างที่ชัดเจน คือ การอ่อนค่าเมื่อต้นเดือนสิงหาคม ก็เกิดขึ้นหลังจากนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ประกาศการปรับเปลี่ยนนโยบายครั้งสำคัญ ด้วยการปรับกรอบนโยบายการเงินจากการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ (Inflation Targeting) มาเป็นการกำหนดเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย (Average Inflation Targeting หรือ AIT) ที่ระดับ 2% เพื่อสนับสนุนตลาดแรงงาน และเศรษฐกิจวงกว้าง ระหว่างการประชุมประจำปีของเฟด ซึ่งจัดขึ้นที่แจ็คสัน โฮล ในรัฐไวโอมิง
ผลกระทบจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ครั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากมองว่า มีผลกระทบหลักๆ อยู่ 2 ด้าน ได้แก่ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก โดยสำหรับผลกระทบต่อสหรัฐในระยะยาว สิ่งที่ต้องกังวล คือ ความเป็นไปได้ที่ดอลลาร์ อาจจะสูญเสียตำแหน่งสกุลเงินโลก (The worldreserve currency) เนื่องจากตลอดระยะเวลาช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ตำแหน่งดังกล่าวถูกบั่นทอนขึ้นเรื่อยๆ เนื่องมาจาก การดำเนินนโยบายแบบกีดกันทางการค้า (Protectionism) ของสหรัฐ และการเปิดสงครามทางการค้ากับจีน แต่ในระยะสั้นสหรัฐอาจจะได้รับผลประโยชน์ เนื่องจาก การอ่อนค่าของดอลลาร์จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของผู้ผลิตในสหรัฐ เมื่อเทียบกับคู่แข่งต่างประเทศ และดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้สหรัฐอีกด้วย
ส่วนผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ จะทำให้สกุลเงินอื่นๆ แข็งค่าขึ้น ย่อมทำให้หลายประเทศที่พึ่งพิงการส่งออกเป็นหลัก เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์จะทำให้ประเทศส่งออกต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้น อย่างกลุ่มยูโรโซนและญี่ปุ่น จะได้รับผลกระทบอย่างหนักเพราะหากต้องการรักษาผลประโยชน์ของตัวเองเหมือนกับดอลลาร์สหรัฐ ครั้งนี้ก็อาจจะต้องใช้มาตรการที่สุดโต่งมากขึ้น เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหภาพยุโรปและญี่ปุ่นอยู่ที่ระดับ 0 เปอร์เซ็นต์และติดลบอยู่แล้ว
อย่างไรก็ดี โมฮาเม็ด เอล-เอเรียนหัวหน้าที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจจากอลิอันซ์(Allianz) และอดีตรองผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ มองว่าในตอนนี้ ยังไม่มีสกุลเงินใดสามารถมาแทนที่ดอลลาร์สหรัฐ และว่า การอ่อนตัวของดอลลาร์ในช่วงนี้ ไม่ได้เป็นสัญญาณของการด้อยค่าในระยะยาวของดอลลาร์สหรัฐแต่อย่างได้ เนื่องจาก ดอลลาร์ยังคงเป็นสกุลเงินหลักที่ทั่วโลกใช้เพื่อการแลกเปลี่ยนอยู่
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐก็ยังถือเป็นสกุลเงินอ้างอิงหลักที่ใช้วัดมูลค่าสินค้าโภคภัณฑ์และการกู้ยืมเงินระหว่างประเทศต่างๆ โดยตามข้อมูลจากธนาคารเพื่อการชำระบัญชีระหว่างประเทศ (BlS) ยังระบุว่า 47.4 เปอร์เซ็นต์ของหนี้ทั่วโลก ใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
แต่เมื่อมองในระยะยาว ดอลลาร์สหรัฐก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการไม่ว่าจะเป็น การดำเนินมาตรการทางการเงินแบบผ่อนคลายของเฟด การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบต่อๆ ไป ของรัฐบาลสหรัฐที่จะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น รวมไปถึง ความไม่แน่นอนของการเมืองระหว่างประเทศและการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีนี้ที่จะเป็นตัวชี้ชะตานโยบายของสหรัฐ และอีกหนึ่งภัยคุกคามที่มองข้ามไม่ได้ คือ การตั้งเป้าทำให้เงินหยวนกลายเป็น สกุลเงินหลักโลกของรัฐบาลจีน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี