ผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ทั้ง 5 ประเภท
ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ SACICT จัดงานประกาศผลและพิธีมอบรางวัล 5 ผลงานชนะเลิศ จาก 50 ผลงานที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายโครงการประกวดผลงานศิลปหัตถกรรมเชิงสร้างสรรค์ (SACICT AWARD 2020) ภายใต้หัวข้อ “ผ้าไทยใส่ได้ทุก Gen” โดยได้รับเกียรติจาก นายพรพล เอกอรรถพรผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (SACICT) เป็นประธานในพิธี ณ อาคารศาลาพระมิ่งมงคล ชั้น 1 ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ภายในงานได้นำ 50 ผลงานสุดสร้างสรรค์ที่ผ่านการคัดเลือก และได้รับการตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าที่สมบูรณ์แบบมาจัดแสดงบนรันเวย์การประกวดในรอบชิงชนะเลิศ โดยมีคณะกรรมการตัดสิน ดังนี้ นายพรพล เอกอรรถพรผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ(SACICT) ในฐานะประธานคณะกรรมการ พร้อมด้วย นายอดิศักดิ์ จันทร์วิทัน รองผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (SACICT), ดร.หญิงฤดี ภูมิศิริรัตนาวดีผู้ก่อตั้งยุทธศาสตร์ทุนคนไทย (Thainess Capital), รองศาสตราจารย์ (พิเศษ) ระพี ลีละสิริดีไซเนอร์และเจ้าของแบรนด์ระพี ลีลา,นายอธิษฐ์ ฐิรกิตติวัฒน์ ดีไซเนอร์และเจ้าของแบรนด์ Surface, อาร์ต-อารยา อินทรา สไตลิสต์และดีไซเนอร์ และนายเฉลิมเกียรติ คติเกษมเลิศเจ้าของแบรนด์ Wonder Anatomie เสื้อผ้าแบรนด์ไทยที่ 4minute เกิร์ลกรุ๊ป จากประเทศเกาหลีใส่ถ่ายปกอัลบั้ม
นอกจากนี้ ยังมีแฟชั่นโชว์ผ้าไทยจากแบรนด์ชั้นนำ โดยศิลปินดาราชื่อดัง อาทิ ณิชา-ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์, ตั๊ก-นภัสรัญชน์มิตรธีรโรจน์, อ๊ะอาย-กรณิศ เล้าสุบินประเสริฐ และมินิคอนเสิร์ตจาก เบน-ชลาทิศ ตันติวุฒิ
พรพล เอกอรรถพร
นายพรพล เอกอรรถพร ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (SACICT)เปิดเผยว่า SACICT ได้จัดโครงการประกวดผลงานศิลปหัตถกรรมเชิงสร้างสรรค์ (SACICTAWARD 2020) โดยเปิดโอกาสให้บุคคลที่มีความสามารถได้นำเสนอแนวคิดการออกแบบสร้างสรรค์ประเภทแฟชั่นและเครื่องแต่งกาย ในหัวข้อ “ผ้าไทยใส่ได้ทุก Gen” โดยแบ่งการประกวดเป็น 5 ประเภท ได้แก่ ประเภทชุดFinale, ประเภทชุด Baby Boomer, ประเภทชุด Generation X, ประเภทชุด Generation Yและประเภทชุด Generation Z ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมีผู้ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดถึง 293 ผลงาน และคณะกรรมการได้พิจารณาคัดเลือกผลงานจากภาพแบบร่าง (Sketch) ประเภทละ 10 ผลงาน รวมทั้งสิ้น 50 ผลงาน ก่อนนำเสนอต่อหน้าคณะกรรมการด้วยรูปแบบของแฟชั่นโชว์ในการประกวดรอบชิงชนะเลิศ โดยผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในแต่ละประเภทจะได้รับรางวัลเป็นเงินสด จำนวน 30,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ
“ผลงานการออกแบบเสื้อผ้าแฟชั่นที่ผ่านเข้ารอบการประกวด “ผ้าไทยใส่ได้ทุก Gen” ในรอบชิงชนะเลิศ จำนวน 50 ผลงานสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์ในการเลือกผ้าไทยชนิดต่างๆมาใช้เป็นวัตถุดิบในการนำเสนอแนวคิดการออกแบบแฟชั่นและเครื่องแต่งกายให้มีความร่วมสมัย แต่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นเอกลักษณ์ของผ้าไทย ด้วยการผสมผสานองค์ความรู้และภูมิปัญญาของผ้าไทย ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมให้เข้ากับทักษะการออกแบบแฟชั่นและเครื่องแต่งกายได้อย่างสอดรับกับวิถีชีวิตของคนในปัจจุบัน โดยแต่ละผลงานเป็นงานที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่ มีความโดดเด่น ประณีต สวยงาม มีความสอดคล้อง กลมกลืน มีความร่วมสมัยในมุมมองที่น่าสนใจ ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างแท้จริง และมีความเป็นไปได้ในการนำไปพัฒนาต่อยอดในเชิงพาณิชย์
ผมขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดทุกคน พร้อมทั้งขอชื่นชมทั้ง 50 ผลงาน ที่ได้ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานออกมาอย่างสวยงามและมีเอกลักษณ์ รวมทั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านที่ได้ร่วมคัดเลือกและตัดสินผลงานได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด การประกวดครั้งนี้จะเป็นก้าวแรกในการเชื่อมโยงนักออกแบบรุ่นใหม่กับผ้าไทย ที่จะช่วยกระตุ้นและจุดประกายคนรุ่นใหม่ให้หยิบผ้าไทยมาผสมผสานไอเดียเป็นเสื้อผ้าหลากหลายสไตล์ และหันมาสวมใส่ผ้าไทยกันมากขึ้น และจะเป็นก้าวต่อไปที่แข็งแรงในการยกระดับเสื้อผ้าแฟชั่นจากผ้าไทยให้มีความร่วมสมัย สามารถสวมใส่ได้จริงในชีวิตประจำวันสำหรับคนทุกเจเนอเรชั่น และเมื่อการประกวดดำเนินการเสร็จสิ้น SACICTได้เตรียมแผนการดำเนินงานที่เป็นยุทธศาสตร์ในการพัฒนาและต่อยอดผลงานจากการประกวดในครั้งนี้สู่อุตสาหกรรมแฟชั่นทั้งในประเทศประเทศและระดับสากล เพื่อให้ผ้าไทยคงอยู่ต่อไปได้อย่างยั่งยืน”
คณะกรรมการตัดสินร่วมถ่ายภาพกับผู้ชนะเลิศทั้ง 5 ประเภท
สำหรับผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ทั้ง 5 ประเภท คือ ประเภทชุด Baby Boomer ได้แก่ ผลงานชุด “ยอดดอย (YOD DOI)” จากฝีมือการออกแบบของ นายวารินทร์ อินทะยศ, ประเภทชุด Generation X ได้แก่ “PHI TA KHON” โดย นายไอสยา โอวาท, ประเภทชุดGeneration Y ได้แก่ “ช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน(HOLIDAY)” โดยนายนัทธพงศ์ คงรักษ์, ประเภทชุด Generation Z ได้แก่ “BIKER GIRL” โดย นางสาวสุทธิดา ทิพย์เนตร และนายขจรพงศ์ ชุมวงศ์ และ ประเภทชุด Finale ได้แก่ “ความเจิดจรัส (INCANDESCENCE)จากฝีมือการออกแบบของนายนัทธพงศ์คงรักษ์
นายไอสยา โอวาท เจ้าของผลงานชุด “PHI TA KHON” ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ ประเภทชุด Generation X เผยว่า แรงบันดาลใจในการออกแบบครั้งนี้ เกิดจากครั้งหนึ่งเคยไปเที่ยวงานประเพณีแห่ผีตาโขน อ.ด่านซ้าย จ.เลย และเห็นลวดลายบนตัวผีตาโขนที่ใส่เดินเต็มถนน จึงมีความคิดที่อยากจะนำลวดลายมาใส่บนผืนผ้าที่ออกแบบด้วยตนเอง ที่สำคัญทุกคนสามารถสวมใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน จึงตัดเย็บสไตล์ชุด Active Wear สำหรับผู้หญิงที่อยู่ในช่วงอายุ 40 ปีเป็นต้นไป หรือ Generation X เพื่อสวมใส่เสื้อผ้าสบายๆ แต่ยังดูหรูหราและทำกิจกรรมทุกอย่างได้ปกติ โดยเนื้อผ้าที่นำมาตัดเย็บในชุดนี้ เป็นผ้าไหมแต้มหมี่ จ.ขอนแก่น และใช้เทคนิคการตัดต่อกราฟิกลวดลายผ้าให้เป็นผีตาโขน และนำไปปักริบบิ้นให้มีความแวววาวของตัวเนื้อผ้า การออกแบบผ้าไทยแต่ละครั้ง จะมีความท้าทายอยู่ตลอดเวลา เพราะเราคิดแต่ว่าจะทำอย่างไรให้คนสวมใส่แล้วดูไม่แก่ และอินเทรนตามแฟชั่นของฤดูกาลนั้นๆ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี