เด็กน้อยวัยซุกซนที่พ่อแม่ต้องคอยดูแลเมื่อเวลาผ่านไปไม่นานก็จะโตขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ด้วยความที่อยู่ใกล้ชิดกันตลอดเวลา คุณพ่อคุณแม่จึงมักจะเคยชินหรือเห็นว่าลูกยังเป็นเด็กอยู่เสมอโดยไม่ทันได้สังเกตว่าลูกๆ กำลังก้าวข้ามจากวัยเด็กเข้าสู่วัยแรกรุ่นที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเด็กชายหรือหญิง แต่ละคนก็ไม่เหมือนกันบางคนโตเร็วพรวดพราดจนจำแทบไม่ได้แต่บางคนอาจช้ากว่าคนอื่น รวมถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากที่เคยเป็น จากเด็กที่ว่านอนสอนง่ายกลับกลายเป็นคนละคน ทั้งเริ่มมีความคิดเห็นแตกต่างจากพ่อแม่ การแสดงออกด้านพฤติกรรมและคำพูด ที่มีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น หรือมักปลีกตัวไปอยู่ตามลำพังและคิดเองทำเองบ่อยๆ ไม่ชอบให้พ่อแม่เข้ามาควบคุมจัดการเหมือนแต่ก่อน โดยในขณะเดียวกันก็อยากเข้ากลุ่มและทำอะไรเหมือนกับเพื่อน ติดเพื่อนมากกว่าครอบครัว
ข้อมูลจาก รศ.พญ.ทิพวรรณ หรรษคุณาชัย กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ เหล่านี้ ถือเป็นเรื่องปกติที่พ่อแม่ต้องเปิดใจเรียนรู้และทำความเข้าใจกับพัฒนาการของลูกในวัยที่กำลังเติบโตเป็นวัยรุ่น ซึ่งถือได้ว่าเป็นช่วงวัยหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต ระหว่างวัยเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงระยะของวัยนี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างมากมาย ลักษณะการเจริญเติบโตและพัฒนาการด้านต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงวัยรุ่น มีดังนี้
l พัฒนาการด้านร่างกาย จะสามารถสังเกตได้ค่อนข้างเด่นชัด เพราะต่อมไร้ท่อผลิตฮอร์โมนการเจริญเติบโตและฮอร์โมนเพศทำให้ร่างกายเจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเด็กหญิงส่วนสูงจะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนในวัยรุ่นตอนต้น ซึ่งจะเติบโตเร็วกว่าเด็กชายประมาณ 1-2 ปี โดยมีลักษณะทางเพศเริ่มจากมีเต้านมขยายใหญ่ เอวคอดลง สะโพกผายมีขนบริเวณรักแร้และอวัยวะเพศ และมีประจำเดือนครั้งแรกหลังจากเริ่มมีหน้าอกประมาณ 2-3 ปีส่วนเพศชายมักเริ่มจากอัณฑะและอวัยวะเพศขนาดโตขึ้น มือเท้าใหญ่ แขน ขาและลำตัวยาวขึ้นหน้าอกและไหล่ขยายกว้าง มีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ มีหนวดเคราขึ้น เสียงแตก สิวขึ้น มีกลิ่นตัว และเริ่มมีฝันเปียก เป็นต้น
l พัฒนาการทางจิตใจ แม้ว่าลูกยังต้องการความรักความเอาใจใส่จากพ่อแม่ แต่ลูกก็ต้องการเป็นตัวของตัวเอง ต้องการความอิสระ ต้องการให้พ่อแม่ยอมรับความคิดเห็นของตนเองมากขึ้นต้องการมีพื้นที่ของตนเอง อยากรู้ อยากเห็นอยากลอง สิ่งแปลกใหม่ เพื่อสร้างเสริมประสบการณ์และความภาคภูมิในในตนเอง ต้องการที่จะเลือกการกระทำและตัดสินใจด้วยตนเอง ซึ่งการตัดสินใจนั้นวัยนี้ยังไม่สามารถคำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมาในระยะยาวได้อย่างรอบด้าน เขาจึงยังต้องมีผู้ใหญ่ที่จะคอยเฝ้าดู ติดตามในระยะห่างและช่วงเวลาที่เหมาะสม พร้อมให้คำปรึกษาแนะนำ เปิดโอกาสยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างและลูกยังคงเป็นที่รักของพ่อแม่อย่างไม่มีเงื่อนไข
l พัฒนาการทางอารมณ์ ลูกจะมีความวิตกกังวลหรือการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ได้ง่าย จากระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงและต้องเผชิญกับการปรับตัวกับหลายสิ่งอย่างทั้งสภาพร่างกายที่เปลี่ยนไป การเรียนที่หนักขึ้น การเป็นที่ยอมรับของกลุ่มเพื่อน ฯลฯ ลักษณะอารมณ์จึงมักเป็นไปอย่างรุนแรงและเปิดเผยทั้งในด้านบวกและลบ ฉะนั้นในบางครั้งลูกก็จะร่าเริง ครึกครื้น มั่นใจ มีความสุข อยากทำหลายอย่าง แต่บางครั้ง จู่ ๆ ก็อาจซึมเศร้า หรือหงุดหงิด โกรธง่ายหากถูกขัดใจ และมักแสดงออกด้วยพฤติกรรมหรือคำพูดในเชิงก้าวร้าว เรียกได้ว่าเป็นช่วงวัยที่มีอารมณ์รุนแรงและแปรเปลี่ยนได้ง่ายไม่มั่นคง
l พัฒนาการทางสังคม เมื่อลูกเริ่มโต เขาจะมีความคิดเป็นของตัวเอง จึงมักจะชอบแยกตัวอยู่ตามลำพังเพราะต้องการความอิสระและเป็นส่วนตัว ไม่สนิทสนมกับพ่อแม่พี่น้องเหมือนเดิม แต่จะให้ความสำคัญกับเพื่อนมากกว่า จะใช้เวลากับเพื่อนนานๆ มีกิจกรรมนอกบ้านมากขึ้น ช่วงแรกมักจะมีเพื่อนเพศเดียวกันเป็นกลุ่มใหญ่ตามกิจกรรมและความสนใจที่คล้ายๆ กัน ในเวลาต่อมาเพื่อนจะมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มมีความสนใจเพศตรงข้าม สนใจสังคมสิ่งแวดล้อม ปรับตัวเองให้เข้ากับกฎเกณฑ์กติกาของกลุ่มของสังคมนอกบ้านได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังชอบทำตัวเลียนแบบบุคคลอื่นที่ตนเองชื่นชอบ เช่น การแต่งกายตามอย่างดาราหรือนักร้องที่ตนชอบเพื่อให้เป็นที่ยอมรับของสังคม
l พัฒนาการทางสติปัญญา ลูกๆ จะเริ่มมีความคิดเชิงคุณธรรมจริยธรรม มีความคิดสร้างสรรค์เชิงนามธรรมมากขึ้น สามารถเชื่อมโยงความจำ การควบคุมตนเอง การติดตามผลงานและแรงจูงใจ ในการค้นหาว่าตัวเองว่าถนัดอะไรสนใจเรื่องไหน รู้จักสังเกตและปรับปรุงข้อบกพร่องของตนเอง ต้องการทำอะไรด้วยตนเองเพื่อหาประสบการณ์ สนใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ กล้าที่จะลองถูกลองผิด จึงทำให้เกิดการส่งเสริมพัฒนาทางด้านสติปัญญากว้างมากขึ้น เพราะเด็กได้ลงมือทำเองได้พบกับปัญหาและวิธีการแก้ปัญหาด้วยตนเอง และถ้าทำสำเร็จเด็กก็จะรู้สึกภาคภูมิใจ ลูกจึงมีเหตุผลมากขึ้น สามารถแสดงความคิดเห็นหรือแสดงความรู้สึกของตนเองให้ผู้อื่นเข้าใจ ในขณะเดียวกันก็รู้จักสังเกตความคิดและความรู้สึกของผู้อื่นที่มีต่อตนเอง
ทั้งนี้ในช่วงวัยนี้ลูกมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วนอกจากการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การออกกำลังกายอย่างเหมาะสมกิจกรรมงานอดิเรกที่ผ่อนคลาย พ่อแม่ต้องดูแลเรื่องอาหารการกินและโภชนาการให้กับลูก เพื่อให้เขาได้รับพลังงานและสารอาหารที่เพียงพอเหมาะสมกับวัย ด้วยการให้ลูกรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่อย่างหลากหลายในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อช่วยในเรื่องการพัฒนาสมอง บำรุงร่างกายให้แข็งแรงและต้านทานโรคภัยไข้เจ็บ โดยเฉพาะสารอาหารที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของสมองและระบบประสาท เช่น ไขมัน โปรตีน วิตามินและเกลือแร่ต่างๆ ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างสารสื่อประสาทที่จะส่งต่อกระแสประสาทระหว่างเซลล์สมอง และมีส่วนสำคัญต่อการทำงานของระบบประสาทและสมอง การเจริญเติบโตของเซลล์ร่างกาย การสร้างเม็ดเลือด การทำงานของเอนไซม์ต่างๆ ในร่างกาย รวมถึงสารอาหารอื่นๆ โดยเฉพาะแคลเซียมซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างมากต่อการเจริญเติบโตและความแข็งแรงของกระดูก
อย่างไรก็ตาม คุณจะเห็นว่าความเปลี่ยนผ่านในช่วงวัยเป็นเรื่องปกติที่เด็กทุกคนต้องก้าวข้ามไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า พ่อแม่จึงควรเป็นแบบอย่างที่ดี ให้การดูแลเอาใจใส่ด้วยความรัก ความอบอุ่น ความเข้าใจกระบวนการเปลี่ยนแปลงในวัยรุ่นในด้านต่างๆ ส่งเสริมการทำกิจกรรมที่หลากหลาย รอบด้าน ให้โอกาสตัดสินใจด้วยตนเอง ให้คำปรึกษาแนะนำ สนับสนุนและติดตามผล สอดคล้องกับสภาวะทางร่างกายและจิตใจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสม่ำเสมออย่างถูกต้องเหมาะสม แล้วในที่สุดลูกที่อยู่ในวัยกำลังเจริญเติบโตก็จะกลายเป็นผู้ใหญ่ตัวน้อยที่มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี สามารถรับผิดชอบตนเอง ช่วยเหลือเอื้อประโยชน์ต่อสังคม ประเทศชาติและประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างงดงาม
ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี