โควิด-19 เป็นเรื่องใหม่ของโลกซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นมาเพียงไม่กี่ปี ที่แพทย์หรือนัก วิทยาศาสตร์รุ่นเก่าบางคนซึ่งไม่ได้ติดตามความรู้ทันสมัยก็ไม่รู้เรื่องลึกซึ้ง ผู้เชี่ยวชาญบางคนพยายามชี้แจงด้วยคำศัพท์ทางการแพทย์ หรือภาษาหมอ ที่คนธรรมดาเข้าใจยาก เช่นmRNA จีโนม หรือ รหัสพันธุกรรมทำให้เกิดความสงสัย ข่าวลือ ข่าวลวง จนประชาชนเกิดความสับสนบางคนไม่ยอมจับสิ่งที่อาจติดเชื้อไวรัส เช่น ลูกบิดประตู หรือ ธนบัตรและบางคนกลายเป็นคนโรคประสาทที่ตกใจกลัวสิ่งต่างๆโดยไม่จำเป็น
ท่ามกลางพายุแห่งความสงสัยกระพือพัดอย่างหนัก ได้มีผู้เชี่ยวชาญไวรัสวิทยาชาวไทยคนหนึ่งที่ได้ติดตามข่าวคราวของโควิดมาตั้งแต่ต้น รู้จักไวรัสเกือบทุกตัว เป็นผู้นำการทดลองใช้พลาสมาในเลือดของผู้ป่วยไปรักษาผู้ติดเชื้อรายต่อไป เดินทางไปตรวจสอบพื้นที่โรคระบาดด้วยตนเอง แล้วพยายามอธิบายเรื่องราวและวิธีป้องกันรักษาโควิด-19 เป็นภาษาง่ายๆอย่างละเอียดผ่านสื่อมวลชน จนรัฐบาลต้องเชิญไปปรึกษาหารือ และทำให้ประชาชนจำนวนมากเกิดความเข้าใจ ปฏิบัติตนตามคำแนะนำเพื่อป้องกันการระบาดของโรคร้ายในวงกว้าง คนไทยคนนั้น คือ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ดร.ยง ภู่วรวรรณ
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ดร.ยง ภู่วรวรรณ เป็นคนกรุงเทพฯ เกิดเมื่อ พ.ศ. 2493 เป็นฝาแฝดคนน้องของ ร.ศ.ยืน ภู่วรวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สำเร็จการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใน พ.ศ. 2515 และได้รับทุนไปฝึกอบรมที่ประเทศอังกฤษใน พ.ศ. 2527
ดร.ยง เข้ารับราชการเป็นอาจารย์ประจำภาควิชากุมารเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งแต่ พ.ศ. 2522 รับตำแหน่งหัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางไวรัสวิทยาคลินิก หัวหน้าโครงการวิจัยโรคอุบัติใหม่และอุบัติซ้ำของคณะแพทย์ศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ได้รับความสนใจจากนานาประเทศในปี พ.ศ. 2547 จากผลงานการหาลำดับพันธุกรรมและการตรวจหาไวรัสไข้หวัดนก H5N1 ในประเทศไทย ดร.ยง เป็นนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาการแพทย์ ที่มีผลงานวิจัยด้านสาธารณสุขโดยเฉพาะโรคที่เป็นปัญหาในประเทศไทย เช่น ไวรัสตับอักเสบ และ ไข้หวัดนก มีผลงานตีพิมพ์เกือบ 600 เรื่อง ที่สามารถค้นได้จาก Google Scholar
ดร.ยงได้รับพระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปะวิทยาสาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ใน พ.ศ. 2551 และได้รับพระราชทานรางวัล จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในฐานะผู้ทำประโยชน์ทางด้านวัคซีน (สถาบันวัคซีนแห่งชาติ) ใน พ.ศ. 2562
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในเรื่องไวรัส ดร.ยง ทำงานร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรมและสภากาชาดไทย เพื่อสร้างความตระหนักรู้เรื่องโควิด -19 และวิธีรับมือกับความท้าทายของการกักตัวระหว่างการระบาดและมาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคม นอกจากนี้ ยังเป็นผู้นำในการทดสอบวิธีใช้พลาสมาในเลือดจากผู้ป่วยโควิด ที่หายแล้วไปสกัดเป็นเซรุ่มเพื่อใช้ป้องกันและรักษาผู้ป่วยอีกคนหนึ่งที่มีอาการรุนแรงให้ทุเลาขึ้น
ดร.ยง ภู่วรวรรณ เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีบทบาทสำคัญในการให้ข้อมูลความรู้ด้านโควิดแก่สังคม ผ่านทางสื่อมวลชนทั้งหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ ทั้งยังได้ให้ความรู้ผละตอบคำถามทางอินเทอร์เน็ตอีกด้วย ดร.ยง ได้ติดตามข้อมูลจากทั่วโลก เกี่ยวกับไวรัสโคโรน่า หรือ โควิด-19 ตั้งแต่เริ่มระบาดที่เมืองอู่ฮั่นตอนปลายปี 2562 จนถึงปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง จึงมีข้อมูลความรู้ทางวิชาการและข้อมูลจริงที่ทันสมัยน่าเชื่อถือ จนกระทั่งสื่อมวลชนทั้งหลายต้องติดตามสัมภาษณ์ซักถามอยู่เป็นประจำ ดร.ยง เคยเข้าร่วมประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครก่อนที่ท่านผู้ว่าจะตรวจพบว่าติดเชื้อโควิดจึงต้องกักตัวเอง 14 วันในเดือนมกราคม 2564
ดร.ยง ได้จัดทำบทเรียนออนไลน์เรื่อง โควิด-19 และระบาดวิทยา สำหรับนักเรียนและประชาชนทั่วไป ที่สามารถสมัครเรียนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ที่เวปไซด์ https://learningcovid.ku.ac.th/ ผู้ที่เรียนจบและสอบผ่านจะได้รับประกาศนียบัตรด้วย
ดร.ยง ภู่วรวรรณ เป็นบุคคลสำคัญที่มีค่ายิ่งสำหรับประเทศไทยในยุคโควิดระบาด เพราะเป็นผู้รู้จริงในเรื่องไวรัสโควิด-19 อย่างลึกซึ้ง ให้คำแนะนำเป็นภาษาไทยง่ายๆ ผ่านระบบสื่อสารทางไกล เกี่ยวกับวิธีการป้องกันรักษาโรคร้ายและชี้ทางบรรเทาทุกข์ภัยอันตราย ท่านเป็นส่วนหนึ่งของวีรชนคนไทยสู้ภัยโควิด ที่ช่วยให้คนไทยจำนวนมากไม่ต้องติดเชื้อหรือเสียชีวิตหลายล้านคน เหมือนในสหรัฐอเมริกา อินเดีย หรือบราซิล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี