ประเทศไทยกำลังก้าวสู่การเป็นสังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์ในปี 2565 โดยจะมีผู้สูงอายุประมาณ 13 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมดในประเทศ ศูนย์วิทยาการเวชศาสตร์ผู้สูงอายุระดับชาติ จึงถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นต้นแบบการดูแลผู้สูงอายุในแนวทางเวชศาสตร์ผู้สูงอายุขึ้นเป็นแห่งแรกในประเทศไทย

ศูนย์แห่งนี้ตั้งอยู่บนถนนเลียบคลองสี่วาพาสวัสดิ์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงรับเป็นองค์ประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดหาทุน โครงการจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการปี 2565 โดยระยะแรกจะเปิดให้บริการส่วนผู้ป่วยนอกผู้ป่วยในและกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพกายและใจของผู้สูงวัย ศูนย์วิจัยศูนย์ฟื้นฟู สถานที่ฝึกอบรมวิทยาการด้านเวชศาสตร์ผู้สูงอายุอาจจะเปิดในเฟสต่อไป

ศ.นพ.ประเสริฐ อัสสันตชัย

ศ.นพ.ประเสริฐ อัสสันตชัย รองคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เริ่มแนวคิดเกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุที่เรียก “เวชศาสตร์ผู้สูงอายุ” นานกว่า 30 ปี นับเป็นคณะแพทย์แห่งแรกในประเทศไทยที่สร้างองค์ความรู้ ส่งเสริมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ศึกษาต่อเพื่อกลับมาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้สูงอายุพร้อมฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านต่อยอดสาขาอายุรศาสตร์ผู้สูงอายุมากที่สุดในประเทศ เตรียมพร้อมดูแลคนไทยที่ก้าวสู่สังคมผู้สูงวัย จึงเป็นที่มาของการก่อสร้าง “ศูนย์วิทยาการเวชศาสตร์ผู้สูงอายุระดับชาติ”

เป้าหมายที่ศิริราชได้วางไว้คือ ศูนย์วิทยาการเวชศาสตร์ผู้สูงอายุระดับชาติจะทำหน้าที่ในการออกแบบระบบดูแลผู้สูงอายุในลักษณะสหสาขาวิชาชีพผลิตบุคลากรทางด้านสุขภาพให้มีความรู้และทักษะที่เชี่ยวชาญการดูแลผู้ป่วยสูงอายุตามมาตรฐานสากล ประยุกต์ให้เข้ากับวัฒนธรรมแบบไทยๆ ทำหน้าที่สร้างความเข้าใจแก่สมาชิกในครอบครัวที่ต้องดูแลผู้สูงวัย ให้มีความพร้อมในการดูแลบุพการีรวมถึงดูแลตัวเอง ร่วมสร้างสรรค์และเชื่อมโยงสังคมผู้สูงวัยและคนทุกวัยให้อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ด้วยศาสตร์ผู้สูงอายุ สมศักดิ์ศรีแห่งวัย พร้อมสร้างเครือข่ายองค์ความรู้ทั้งกับทางมหาวิทยาลัยมหิดล สถาบันเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ สังกัดกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ช่วยให้ผู้สูงวัยและคนทุกๆ วัยสามารถดูแลตัวเอง ตลอดจนดูแลกันและกันได้อย่างมีคุณภาพ

แม้โควิด-19 จะระบาดที่จังหวัดสมุทรสาคร แต่โครงการก่อสร้างยังเดินหน้าได้ตามแผนทั้งโครงการจะใช้เงินรวม 3,500 ล้านบาท โดยเป็นเงินงบประมาณ 889 ล้านบาท ที่เหลือคือเงินบริจาคจากประชาชนและทุกภาคส่วน เมื่อเกิดการระบาดของโรคติดต่อโควิด-19ยอมรับว่ากระทบต่อการจัดหางบประมาณในส่วนที่เป็นเงินบริจาคค่อนข้างมากคาดว่าในปี 2565 จะยื่นขอทุนสนับสนุนจากรัฐเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 495 ล้านบาท เพื่อให้โครงการสามารถดำเนินการได้ตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ได้ระดับหนึ่ง

ศ.นพ.ประเสริฐ อัสสันตชัยฝากข้อคิดถึงการดูแลตัวเองของผู้สูงอายุในช่วงโควิด-19 ว่า ขอให้ดูแลตัวเองด้วยหลัก 5 อ คือ 1.อาหารทานอาหารให้ครบหมู่หลากหลาย 2.ออกกำลังกายในบ้านให้เป็นกิจวัตรอย่างเพียงพอ 3.อารมณ์ดี ดูข่าวไม่เกินวันละ 2 ชั่วโมง เช้า-เย็นดูข่าวเกี่ยวกับโรคระบาดมากเกินไปอาจทำให้เป็นโรคซึมเศร้าได้ 4.เอนกายพักผ่อน นอนหลับยามบ่าย 30-60 นาที จะทำให้สดชื่นขึ้น และ 5.ออกห่างสังคม ให้ระวังการได้รับเชื้อจากผู้ติดเชื้อลูกหลานที่ออกทำงานข้างนอกเมื่อกลับถึงบ้านควรจะเปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำ คอยเช็ดทำความสะอาด จุดจับประตู ลูกบิด แล้วค่อยเข้าไปหาผู้ใหญ่ในบ้าน

ในวันที่ประเทศไทยเป็นสังคมผู้สูงวัยเต็มรูปแบบ “ศิริราชเชื่อว่าความรัก ความห่วงใย และความเข้าใจจากคนในครอบครัวแบบไทยๆ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความสุขให้คนทุกวัย หันมาใส่ใจ ดูแลกันเพื่อเติมความสุขทางกายและทางใจนำไปสู่การสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนให้กับสังคมไทย” ร่วมบริจาคเข้ากองทุน “ศิริราชเพื่อผู้สูงวัย” ได้ที่ ศิริราชมูลนิธิ ตึกมหิดลบำเพ็ญ ชั้น 1 รพ.ศิริราช หรือบริจาคผ่านธนาคารกรุงเทพ 901-7-06044-4 ธนาคารไทยพาณิชย์ 016-4-57906-4 ธนาคารกสิกรไทย 063-3-16546-7