ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาGameStop บริษัทเจ้าของธุรกิจวีดีโอเกมธรรมดาๆ ในสหรัฐอเมริกากลายเป็นสมรภูมิรบ ที่นักลงทุนรายย่อยประกาศศึกกับนักลงทุนวอลล์สตรีท และกลุ่มกองทุนเก็งกำไร หรือเฮดจ์ฟันด์ ที่ดูเหมือนจะเหนือกว่าแทบทุกด้าน สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วตลาดหลักทรัพย์และในหมู่นักลงทุนทั่วโลก
เดิมที GameStop เป็นบริษัทมหาชนที่มีสำนักงานใหญ่ในรัฐเท็กซัส ประกอบธุรกิจค้าปลีกวีดีโอเกมและเครื่องเล่นเกมต่างๆ มีร้านค้าขายเกมกว่า 5,000 สาขา
ส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐอเมริกา ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทำให้นักเล่นเกมหันไปซื้อวีดีโอเกมผ่านทางออนไลน์มากขึ้น ทำให้กิจการของร้านขายเกมอย่าง GameStop ซบเซาลงเรื่อยๆในช่วง 12 ไตรมาส หรือประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา GameStop ขาดทุนไปแล้วประมาณ 1,600 ล้านดอลลาร์ ขณะที่หุ้นของบริษัทก็ร่วงลงติดต่อกันมาเป็นเวลา 6 ปีจนเมื่อวันที่ 11 มกราคม GameStopประกาศแต่งตั้ง ไรอัน โคเฮน เป็นกรรมการผู้จัดการ ช่วยให้ราคาหุ้นGameStop ขึ้นมาเกือบ 2 ดอลลาร์ซึ่งในขณะนั้นถือว่าสูงมากแล้วก่อนที่ราคาหุ้นจะขึ้นมาอีก โดยไปอยู่ที่ 35.5 ดอลลาร์ต่อหุ้นในสัปดาห์เดียวกัน
ทำให้บรรดานักลงทุนวอลล์สตรีท กองทุนเฮดจ์ฟันด์(Hedge Fund) หรือ กองทุนเก็งกำไร ถึงกับตาลุกวาว เพราะมองราคาหุ้นของ GameStop นั้นสูงเกินมูลค่าที่แท้จริงของบริษัท และทำนายว่าราคาหุ้นของ GameStop จะตกลงมาเรื่อยๆ เปิดช่องทางให้นักลงทุนเข้าเก็งกำไรจากการ ชอร์ตเซล (short sell) หรือการ “ยืม” หุ้นของคนอื่นเพื่อนำไปขายทำเงินในตอนนี้ แล้วค่อยซื้อหุ้นตัวเดิมมาคืนในวันหลัง ตามที่ตกลงไว้ในสัญญา ในวันที่ราคาหุ้นตัวนั้นต่ำลง
แต่อีกฟากหนึ่ง เหล่านักลงทุนรายย่อย หรือที่คนไทยเรียกกันว่า“แมลงเม่า” ที่ส่วนใหญ่สิงสถิตอยู่ในห้อง WallStreetBets ของเว็บบอร์ด Reddit ซึ่งคล้ายๆ กับห้องสินธรในเว็บไซต์พันทิปของไทย ไม่พอใจที่เห็นการเก็งกำไรด้วยการชอร์ตเซล หุ้น GameStop ของนักลงทุนวอลล์สตรีท จึงได้เริ่มพูดคุยกันถึงความต้องการสั่งสอน หรือให้บทเรียนนักลงทุนรายใหญ่ ด้วยการนัดแนะแห่กันไปซื้อหุ้น GameStop ดันราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้นไปเกือบถึง 20 เท่าภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ในเดือนมกราคม ผิดไปจากการคาดการณ์ของนักลงทุนรายใหญ่ จากที่คิดว่าจะได้กำไรจากการชอร์ตเซลหุ้นของบริษัทที่ดูไร้อนาคตอย่าง GameStop กลับกลายเป็นว่า นักลงทุนสถาบันและเฮดจ์ฟันด์เหล่านี้กลับต้องขาดทุน สูญเงินไปแล้วกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 15,000 ล้านบาท)
สื่อมวลชนอเมริกันหลายสำนัก และบรรดากูรูหุ้นมองว่าการที่นักลงทุนรายย่อยสามารถล้มผู้จัดการกองทุนที่มีทั้งเงินและประสบการณ์ที่มากกว่าหลายเท่า สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโลกสมัยใหม่ ปัจจัยหนึ่งคือการที่นักลงทุนรายย่อยใช้ช่องทางออนไลน์ ซึ่งในกรณีนี้เป็นการใช้ห้อง WallStreetBetsของ Reddit เป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รวมถึงการวางแผนร่วมกันอย่างหลวมๆ เพื่อช่วยกันปั่นราคาหุ้น และเพื่อการเก็งกำไร อีกทั้งตอนนี้ ปรากฏการณ์ที่เกิดกับหุ้นของ GameStop ยังลุกลามไปยังหุ้นของบริษัทอื่นๆ เช่น บริษัทโรงภาพยนตร์ของสหรัฐฯ AMC, Nokia และ Bed, Bath &Beyond ทำให้เกิดความกังวลว่าความเสี่ยงจากการลงทุนกำลังเพิ่มมากขึ้น
ถึงแม้ว่าตอนนี้ ชัยชนะจะเป็นของแมลงเม่า หรือนักลงทุนรายย่อยที่รวมพลังกันซื้อหุ้น ปั่นราคาจนยักษ์ใหญ่บางรายยอมล่าถอยไปแต่นักวิเคราะห์และนักลงทุนมืออาชีพยังคงมองว่าราคาหุ้นของ GameStop จะร่วงลงมาเรื่อยๆ (ราคาล่าสุดปิดตลาดวันศุกร์ที่ 5 ก.พ. อยู่ที่ 63.77 ดอลลาร์)เพราะราคาที่ถูกปั่นขึ้นไปจนถึงสูงปิดเพดาน ไม่ได้สะท้อนมูลค่าหรือพื้นฐานของบริษัท หรือผลกำไรที่บริษัทจะสามารถทำได้ เมื่อดูจากรูปการณ์และผลประกอบการของ GameStop แลว ราคาของหุ้นควรจะอยู่ที่ 10 ดอลลาร์เท่านั้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี