การต่อสู้รับมือกับโรคโควิดที่สมุทรสาครนั้น ได้อาศัยกำลังของบุคลากรการแพทย์จากหลายหน่วยงาน ทีมงานหนึ่งที่มีบทบาทและทำงานอย่างแข็งขัน น่ายกย่องชมเชยยิ่งคือทีมของโรงพยาบาลบ้านแพ้ว
นพ.พรเทพ พงศ์ทวิกร ผู้อำนวยการ รพ.บ้านแพ้ว ให้สัมภาษณ์ว่า รพ.บ้านแพ้ว เป็นโรงพยาบาลของรัฐแห่งแรกและแห่งเดียวที่เป็น “องค์การมหาชน” จัดตั้งเมื่อ พ.ศ.2543 เป็นโรงพยาบาลขนาด 500 เตียง มีบุคลากร 1,200 คน มีสาขาหลายแห่งในกรุงเทพฯ เช่น สาขาสาทร ประสานมิตร เจริญกรุง และศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ
โรงพยาบาลบ้านแพ้ว เป็นโรงพยาบาลระดับอำเภอที่มีผลงานมีชื่อเสียงไปทั่วประเทศ นอกจากจะรักษาพยาบาลผู้ป่วยตามปกติในอำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาครแล้ว ยังได้ก้าวเข้าไปดูแลโรงพยาบาลสนามอีก 2 แห่ง คือที่วัฒนาแฟคตอรี่และวัดสุธิวาตรวราราม(วัดช่องลม)อีกด้วย โดย รพ. บ้านแพ้ว ได้นำรถเอกซเรย์มาจอดให้บริการในพื้นที่ เพื่อลดการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่จำเป็นต้องตรวจโดยการเอกซเรย์ และนำระบบเทเลเมดิซีน หรือสาธารณสุขโทรคม มาใช้ในการสอบถามอาการของผู้ติดเชื้อ เพื่อลดการสัมผัสระหว่างบุคลากรการแพทย์กับผู้ติดเชื้อ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากตลาดกลางกุ้ง
งานยากชิ้นหนึ่งที่โรงพยาบาลบ้านแพ้วได้ทำสำเร็จ คือการผ่าตัดทำคลอดหญิงที่ติดเชื้อโควิด ซึ่งไม่สามารถใช้ยาบางตัวได้ และระวังให้แพทย์พยาบาล ไม่ติดเชื้อโควิด โดยต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโดยรถเข็นความดันลบที่มีพัดลมดูดอากาศและกรองอากาศป้องกันเชื้อออกมาภายนอก แล้วต้องนำเด็กใส่ตู้อบมาไว้ที่ห้องความดันลบเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโควิดอีกด้วย
เศรษฐกิจของจังหวัดสมุทรสาคร ส่วนหนึ่งมีแรงงานต่างด้าวเป็นส่วนขับเคลื่อน เมื่อพวกเขาติดโควิด ก็ต้องให้การดูแลรักษาตามหลักมนุษยชน เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อโควิดในสมุทรสาครจำนวนมาก ทำให้โรงพยาบาลหลักที่มีเช่น โรงพยาบาลสมุทรสาคร โรงพยาบาลนครท่าฉลอม โรงพยาบาลกระทุ่มแบน และ โรงพยาบาลบ้านแพ้ว ไม่สามารถรับดูแลได้ทั้งหมด โรงพยาบาลหลักจึงจะรับดูแลคนไข้เฉพาะที่มีอาการถึงอาการหนักส่วนโรงพยาบาลสนามจะรับผู้ติดเชื้อโควิดที่ไม่มีอาการ เพื่อแยกกักตัว (isolation) 14 วัน ให้พ้นระยะการกระจายเชื้อ ซึ่งในระหว่างนี้ ก็จะมีแพทย์ พยาบาล ไปตรวจดูอาการ หากคนไหนเริ่มมีอาการรุนแรงก็จะนำส่งเข้าโรงพยาบาลหลักเพื่อทำการรักษาต่อไปหลักการของโรงพยาบาลสนาม คือแยกผู้ที่ติดเชื้อออกจากสังคมไม่ให้ไปกระจายเชื้อต่อ เพื่อสังเกตอาการจนกว่าจะปลอดภัยไม่เป็นโรครุนแรง และพ้นระยะแพร่เชื้อ จึงจะส่งกลับออกไปสู่สังคมได้
ในด้านความปลอดภัยต่อผู้ปฏิบัติงาน จะมีพื้นที่ส่วนของคนไข้ และเจ้าหน้าที่ แยกกัน หมอจะประเมินอาการคนไข้ทุกวันจากห้องแยกกับคนไข้ โดยดูไข้ และระดับออกซิเจนในเลือด ประกอบกับฟิล์มเอกซเรย์ หากคนไข้เริ่มมีไข้ และฟิล์มเอกซเรย์มีลักษณะปอดติดเชื้อก็จะนำส่งโรงพยาบาลหลักเพื่อรีบให้รักษาต่อไป งานดังกล่าวยากตรงที่ต้องดูแลคนไข้ต่างด้าว ซึ่งอาจมีอุปสรรคด้านภาษาในการสื่อสาร ต้องอาศัยล่ามเป็นตัวเชื่อม
ผลงานและความเสียสละของบุคลากรจากโรงพยาบาลบ้านแพ้ว ทำให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิดได้อย่างน่าพอใจ จนสามารถส่งผู้ติดเชื้อที่ตรวจไม่พบเชื้อแล้วกลับบ้านได้เป็นจำนวนมาก นับเป็นสิ่งที่ควรแก่การยกย่องสรรเสริญและเป็นตัวอย่างต่อโรงพยาบาลระดับอำเภอทั้งหลายเป็นอย่างดียิ่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี