มหาวิทยาลัยสยาม ร่วมกับธนาคารออมสิน ในโครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่นนำโดย ศ.กิตติคุณ ดร.ชนิตา รักษ์พลเมือง รองอธิการบดี ม.สยาม และประธานคณะกรรมการโครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่นม.สยาม, ผศ.ดร.อรทิพา ส่องศิริ คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ และรองประธานกรรมการโครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น ม.สยาม, ผศ.ดร.จรัสดาว เรโนลด์ หัวหน้าโครงการงาน Unseen พูนบำเพ็ญ, ว่าที่ร้อยตรีวุฒิชัย เหล่าชำนาญวุฒิ ผู้ช่วยผู้อำนวยการธนาคารออมสินภาค 3 หน่วยสถาบันการเงินชุมชน, นายรัตนประโชติ พูนบำเพ็ญ ประธานชุมชนพูนบำเพ็ญ พร้อมด้วยคณาจารย์และนักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ แก๊งป่วนซ่าป่า คลอง เมือง จัดกิจกรรมร่วมฟื้นฟู อนุรักษ์และพัฒนา ชุมชนพูนบำเพ็ญเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเขตภาษีเจริญ ในแบบ Slow life รูปแบบคนคลอง เที่ยวชมแหล่งเรียนรู้เกษตรคนคลอง บ้านสวนเกษตรอินทรีย์และพบกับเสน่ห์ของขนมไทย แวะพักผ่อนกับบ้านสวนโบนัส ตามสโลแกน “เที่ยววิถีคลอง วิถีไทย พักใจโฮมสเตย์ ชิมเสน่ห์ขนมไทย” ที่พูนบำเพ็ญ บางแวก 116 เขตบางแค กรุงเทพฯ
ศ.กิตติคุณ ดร.ชนิตา รักษ์พลเมือง รองอธิการบดีฯ เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยสยาม ยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น เป็นกิจกรรมเสริมสร้างและพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่น ภายใต้ชื่อ “โครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น” มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมศักยภาพของกลุ่มองค์กรชุมชน ประเภทกลุ่มวิสาหกิจชุมชน หรือกลุ่มผู้ประกอบการ OTOP ให้สามารถบริหารจัดการกลุ่ม พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถเข้าสู่ตลาด เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ตลอดจนการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้การทำงานเป็นกลุ่มให้กับนักศึกษา สามารถต่อยอดองค์ความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาศักยภาพตนเอง เมื่อออกสู่ตลาดแรงงาน
“มหาวิทยาลัยสยาม ดำเนินโครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น มาเป็นปีที่ 2 แล้ว เราได้มีโอกาสลงพื้นที่ทำกิจกรรมในชุมชนต่างๆ เราได้เข้าไปช่วยทำการตลาด ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ ปรับปรุงพื้นที่และพูดคุยกับชุมชนเพื่อต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้กับชุมชนโดยได้รับทุนสนับสนุนจากธนาคารออมสินในการสำรวจ สำหรับปี 2564 มหาวิทยาลัยสยามได้ประชุมคณะทำงานและมีความเห็นตรงกันว่า ด้วยพื้นที่ตั้งและบรรยากาศของชุมชนพูนบำเพ็ญเหมาะแก่การทำโฮมสเตย์และการท่องเที่ยวชุมชนเป็นอย่างมาก เพราะสามารถเดินทางมาได้ทั้งทางบกและทางน้ำ ถือว่าสะดวกแก่นักท่องเที่ยวไม่น้อย ประกอบกับความสามัคคีการร่วมมือร่วมใจของคนในชุมชนที่ช่วยกันสร้างแหล่งเรียนรู้ ซึ่งตรงกับสโลแกนของงานเราคือ Unseen พูนบำเพ็ญ ถ้าใครได้มาที่นี่จะลืมไปเลยว่าอยู่ในกรุงเทพฯ เพราะเป็นสถานที่ที่คนเมืองต่างโหยหา ต้องขอขอบคุณคณะพยาบาลและธนาคารออมสิน โดยเฉพาะ อ.จรัสดาว ที่ทุ่มเทพลังกายและพลังใจกว่า 6 เดือน ซึ่งงานนี้จะไม่ประสบความสำเร็จเลยถ้าไม่ได้ความร่วมมือจากทุกคน”
ด้าน ว่าที่ร้อยตรีวุฒิชัย เหล่าชำนาญวุฒิผู้ช่วยผู้อำนวยการธนาคารออมสินภาค 3 หน่วยสถาบันการเงินชุมชน กล่าวว่า โครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น ก่อตั้งขึ้นในปี 2560 โดยร่วมมือกับทางมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศ จัดกิจกรรมด้านการเสริมสร้างและพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยการบูรณาการภูมิปัญญาและวิทยาการสมัยใหม่ของสถาบันการศึกษากับภูมิปัญญาและทรัพยากรท้องถิ่น เพื่อสร้างกระบวนการในการเสริมสร้างและพัฒนาเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการประกอบการของกลุ่มชุมชนที่รวมตัวกันสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการให้มีศักยภาพ มีมูลค่าเพิ่ม สามารถยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์หรือบริการให้ตอบสนองต่อความต้องการของตลาด ซึ่งเป็นการเสริมความมั่นคงในอาชีพและรายได้ การมีวินัยทางการเงินและศักยภาพในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้แก่ประชาชนในแต่ละท้องถิ่น ให้มีความมั่นคงเกิดผลที่ยั่งยืน ในขณะเดียวกันนิสิตนักศึกษาของสถาบันการศึกษาที่เข้าร่วมโครงการจะเกิดการเรียนรู้ เข้าใจในวิถีชีวิต เอกลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่น ตระหนักถึงความสำคัญของภูมิปัญญาไทยและทรัพยากรอันมีค่า เพื่อจะช่วยกันจรรโลงรักษาให้อยู่คู่สังคมไทยสืบต่อไป
“เดิมชุมชนพูนบำเพ็ญเป็นที่อยู่พักอาศัยทั่วไป จึงจับมือกับ มหาวิทยาลัยสยาม ลงพื้นที่ชุมชนฯ เสนอแนะนโยบายและแนวทางการพัฒนาชุมชนกับประธานชุมชนฯ จากการลงพื้นที่พบว่าชุมชนแห่งนี้มีต้นไม้มากมายรายล้อมชุมชนและยังคงทำเกษตรกรรม จึงผลักดันพัฒนาชุมชนให้เกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อสร้างรายได้หมุนเวียนแก่ชุมชน อีกทั้ง ยังทำให้ชุมชนมีรายได้พึ่งพาตนเองโดยไม่ต้องออกไปหางานทำข้างนอกทำให้ลดค่าใช้จ่ายและมีรายได้เพิ่มขึ้น หมดปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งเราเดินตามรอยพระบาทในหลวงรัชกาลที่ 9 เรื่องพอมี พออยู่ พอกิน ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง”
นายรัตนประโชติ พูนบำเพ็ญ ประธานชุมชนพูนบำเพ็ญ กล่าวว่า ชุมชนพูนบำเพ็ญมีพื้นที่ติดคลองบางเชือกหนัง เป็นคลองเก่าแก่และมีพื้นที่ถนนใหญ่ ทำให้เรามีวิถีชีวิตอยู่อย่างพอเพียงทำเกษตรกรรมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตอนนี้ถึงแม้ว่าชีวิตความเป็นอยู่จะเปลี่ยนแปลงไปจากสมัยก่อน แต่ด้วยความที่เป็นคนเก่าและอาศัยอยู่ในพื้นที่มาเป็นเวลานานทำให้เราพัฒนาปรับตัวเป็นแบบชุมชนเมืองได้ อีกทั้ง จากความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจของคนในชุมชน ทำให้เราเป็นชุมชนเข้มแข็ง เนื่องจากชุมชนมีกิจกรรมพัฒนาหลายๆ กลุ่ม เช่น งานฝีมือ งานประเพณีต่างๆ ที่เราจัดเป็นประจำทุกปีทำให้เรามีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้น ทำให้เราทำงานด้วยกันอย่างมีเป้าหมายได้ราบรื่น อย่างเรื่องของสิ่งแวดล้อม การศึกษา วัฒนธรรม สาธารณสุข ตลอดจนเรื่องของเศรษฐกิจ ที่เราเปิดบ้านให้คนนอกได้เข้าเยี่ยมชมมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2556 กระทั่งพัฒนาให้เป็นโฮมสเตย์ เพื่ออนุรักษ์และส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน และรักษาอัตลักษณ์ความเป็นอยู่วิถีคลองเอาไว้
“เราพัฒนาบ้านเรือนทุกหลังให้เป็นสถานีเรียนรู้ โดยผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมจะได้ทำกิจกรรมร่วมกับชาวชุมชน เช่น ทำขนมไทยตระกูลทองต่างๆ ที่ใช้ในพิธีมงคลเป็นของฝากที่ระลึก และได้ศึกษาวิธีการทำเกษตรอินทรีย์เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน โดยนอกจากนี้ เรายังเปิดบ้านให้เข้าพักเป็นโฮมสเตย์ขนาดย่อม มีมุมถ่ายรูปและพักผ่อนพร้อมชมวิถีชีวิตชาวคลอง ในบรรยากาศที่เงียบสงบ ไม่ว่าจะเป็นบ้านโบนัสโฮมสเตย์ หรือดงเย็นโฮมสเตย์ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสวิถีชุมชนริมคลอง เก็บบรรยากาศSlow life อย่างแท้จริง”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี