รัฐบาลอินโดนีเซียอนุญาตให้บริษัทเอกชนที่มีกำลังทรัพย์ สามารถซื้อวัคซีนป้องกันโควิด-19 ฉีดให้พนักงานของตนเองได้ เพื่อต้องการเร่งการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้นในประเทศ ท่ามกลางความกังวลของผู้เชี่ยวชาญว่าอาจเกิดปัญหาวัคซีนปลอมและการแจกจ่ายที่ไม่เหมาะสม
นาเดีย วิเกโก โฆษกกระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียระบุว่า การที่รัฐบาลอนุมัติโครงการ ให้บริษัทเอกชนสามารถจ่ายเงินซื้อวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อฉีดให้พนักงานได้เอง เพราะต้องการเร่งความเร็วในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้นในอินโดนีเซีย ซึ่งขณะนี้มีบริษัทเอกชนเข้าร่วมเป็นสมาชิกแล้ว 7,000 แห่งบริษัท Bio Farma ผู้ผลิตวัคซีนเพียงแห่งเดียวของอินโดนีเซียจะเป็นผู้บริหาร แต่ยังไม่สรุปว่าจะนำเข้าวัคซีนเมื่อใด และอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทโมเดอร์นาและซิโนฟาร์ม
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และนักระบาดวิทยาในอินโดนีเซียส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับแผนการดังกล่าว มองว่าเป็นการบ่อนทำลายเอกภาพในการรับมือการแพร่ระบาด และให้อภิสิทธิ์กับพนักงานบริษัทส่วนใหญ่ซึ่งยังเป็นคนหนุ่มสาว หากภาคเอกชนต้องการช่วยเหลือจริง ก็ควรนำเข้าวัคซีนและมอบให้กับบุคลาการทางการแพทย์ ผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยง หรือพ่อแม่ของพนักงานแทน พร้อมกับระบุว่านี่เป็นการตัดสินใจทางการเมือง ไม่ใช่วิทยาศาสตร์
ดร.ดิกกี บูดิแมน นักระบาดวิทยา ที่ช่วยกำหนดยุทธศาสตร์การรับมือโรคระบาดของประเทศมา 20 ปีระบุว่า วัคซีนเป็นสินค้าสาธารณะไม่ควรมีมูลค่าทางเศรษกิจใดๆ แม้โครงการนี้จะช่วยฉีดวัคซีนให้กับผู้คนมากขึ้น แต่ก็เป็นการเลือกปฏิบัติในรูปแบบหนึ่ง และข่าวลือเกี่ยวกับพลเมืองชั้นหนึ่งแลพลเมืองชั้นสองจะเกิดขึ้นทันทีที่เริ่มดำเนินการ รวมทั้งอาจเกิดปัญหาวัคซีนปลอมและการแจกจ่ายวัคซีนที่ไม่เหมาะสม และที่รัฐบาลหันมาร่วมมือกับภาคเอกชน ส่งสัญญาณให้เห็นว่ารัฐบาลไม่มีความพร้อมอย่างมากในการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน
ขณะที่ฟิธรา ไฟซาล ฮาสเตียดี นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอินโดนีเซียและโฆษกของกระทรวงการค้าเศรษฐกิจระบุว่า ความคิดนี้ไม่ได้มาจากรัฐบาล แต่มาจากหอการค้าอินโดนีเซีย ในตอนแรกรัฐบาลลังเลที่จะยอมรับเพราะเมื่อใดก็ตามที่นำภาคเอกชนเข้าสู่การดูแลสุขภาพมักจะได้รับคำวิจารณ์เช่นนี้ แต่รัฐจะควบคุมโครงการนี้อย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการนำวัคซีนไปขายในตลาดมืด
ด้านผู้ที่เห็นด้วยมองว่า ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซียตอนนี้ คือความพร้อมของวัคซีนเนื่องจากรัฐบาลมีความสามารถทางการเงินที่จำกัด ในการจัดหาวัคซีนปริมาณที่เพียงพอเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันโรค หากความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน สามารถเพิ่มจำนวนผู้ได้รับวัคซีนได้มากขึ้น ก็เป็นเรื่องที่ดี ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ได้ฉีดวัคซีนก็ตาม
เจ้าหน้าที่จาก Human Rights Watch Indonesia ระบุว่า ตอนแรกก็กังวลว่าโครงการนี้จะทำให้คนยากไร้เสียสิทธิ แต่ตอนนี้องค์กรของเขาไฟเขียวแล้ว เพราะมีการเปลี่ยนกฎ ไม่อนุญาตให้บริษัทเอกชนซื้อจากรัฐบาล แต่ให้นำเข้าเองนั่นหมายความว่า บริษัทเอกชนจะไม่แข่งขันกับคนยากไร้ในการรับวัคซีน
ข้อมูลจากเว็บไซต์ World in Data ที่ติดตามการฉีดวัคซีนทั่วโลกระบุว่า รัฐบาลอินโดนีเซียมีเป้าหมายจะฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ประชาชน 181.5 ล้านคน จากประชากรทั้งหมด 270 คน ภายในปีนี้ แต่นับตั้งแต่โครงการฉีดวัคซีนเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา เพิ่งมีประชาชนได้รับวัคซีนครบ 2 โดส เพียง 1 ล้านคน ขณะที่เกือบ 2.7 ล้านคน เพิ่งได้รับวัคซีนเข็มแรก ล่าสุด มีผู้ติดเชื้อสะสมในอินโดนีเซียแล้ว 1.35 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตสะสม 36,721 คน ยังเป็นประเทศที่มียอดผู้เสียชีวิตและติดเชื้อสูงที่สุดในอาเซียน
อินโดนีเซียไม่ใช่ประเทศเดียวในเอเชียที่ทำข้อตกลงกับภาคเอกชนเพื่อเร่งกระบวนการฉีดวัคซีน เพราะก่อนหน้านี้ รัฐบาลอินเดียได้ลงนามร่วมกับโรงพยาบาลเอกชนเพื่อขับเคลื่อนการฉีดวัคซีนในเฟส 2 เช่นกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี