แพร ดํารงค์มงคลกุล
ผู้หญิงนับเป็นครึ่งหนึ่งของประชากรโลกและเป็นครึ่งหนึ่งของพละกำลังที่จะสร้างความเติบโต สร้างโอกาส และการก้าวข้ามผ่านความยากจน มีรายงานการศึกษาออกมามากมายที่แสดงให้เห็นว่า การสนับสนุนผู้หญิงและเปิดโอกาสทางศักยภาพการเป็นผู้ประกอบการให้พวกเขา จะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างสังคมที่มีคุณภาพและความสามารถในการปรับตัว รายงานระบุว่า เมื่อผู้หญิงได้ทำงาน พวกเขาจะใช้เงินรายได้ร้อยละ 90 ไปกับรายจ่ายที่เกี่ยวกับครอบครัวของพวกเขา เทียบกับผู้ชายที่ใช้เพียงแค่ร้อยละ 35 ดังนั้น จะเห็นได้ว่าเมื่อเราให้ความสำคัญกับผู้หญิงและเยาวชนหญิง ภาคธุรกิจและรัฐบาลสามารถเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขยายตลาด และพัฒนาคุณภาพชีวิตและการศึกษาของทุกคนได้
แพร ดํารงค์มงคลกุล Country Director, Facebook ประเทศไทย กล่าวว่า นี่คือเหตุผลที่ Facebook ประเทศไทย ยังคงเดินหน้าในพันธกิจที่จะสนับสนุนความสามารถในการเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับผู้หญิง ด้วยการจัดอบรมให้ความรู้ทางดิจิทัลและช่องทางต่างๆ เพื่อให้พวกเขาได้ขยายธุรกิจและเครือข่ายของตนเอง ซึ่งรวมถึงโครงการ Boost with Facebook ที่เปิดตัวในปี พ.ศ.2562 ซึ่งมผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของไทยเข้าร่วมแล้วกว่า 4,500 ราย โดยร้อยละ 60เป็นผู้หญิง
แนวคิด “เลือกที่จะท้าทาย” หรือ “Choose To Challenge” ของวันสตรีสากลในปีนี้ ชวนให้ทุกคนยืนหยัดต่อสู้กับอคติและความไม่เท่าเทียมทางเพศ โรคระบาดโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบกับผู้หญิงทั่วโลกอย่างมหาศาล มีรายงานระบุว่าผู้หญิงจะต้องแบกรับความรับผิดชอบในการดูแลสมาชิกครอบครัว มีโอกาสที่จะถูกปลดออกจากงานหรือโดนลดเงินเดือนมากกว่า รวมทั้งมีโอกาสที่จะต้องเจอกับความเครียดและวิตกกังวลมากกว่าด้วย
ผลกระทบจากโควิด-19 ที่มีต่อผู้หญิงและธุรกิจของพวกเธอนั้นFacebook ได้ร่วมงานกับหลากหลายสถาบัน เพื่อศึกษาความไม่เท่าเทียมทางเพศทั้งที่ทำงานและที่บ้านในช่วงโควิด-19 และจากรายงานที่เรียกได้ว่าเป็นชิ้นแรกและยังไม่เคยมีใครทำมาก่อนนี้ ทำให้เราได้เห็นถึงโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากร เวลาที่พวกเขาต้องใช้ไปกับการดูแลบุตร และทัศนคติเกี่ยวกับความเท่าเทียม และเราก็ได้พบทั้งสิ่งที่หน้ากังวลใจ และสิ่งที่เรียกได้ว่ายังเป็นความหวังของเรา
สิ่งที่น่ากังวลใจ คือการที่ผู้หญิงยังคงมีรายได้น้อยกว่าผู้ชายและยังคงต้องพึ่งพาคนอื่นทางการเงินอยู่ โดย 1 ใน 4 ของผู้หญิงได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงของงาน และกล่าวว่าพวกเธอต้องใช้เวลาจำนวนมากไปกับการดูแลบุตรและทำงานบ้าน ซึ่งเป็นผลมาจากโควิด-19
ข้อมูลดังกล่าวยังได้รับการยืนยันเพิ่มเติมด้วยผลการศึกษา Future of Business ของ Facebook ที่จัดทำขึ้นร่วมกับธนาคารโลกและองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organisation for Economic Co-operation and Development หรือ OECD) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีผู้หญิงเป็นเจ้าของมีโอกาสในการเข้าถึงเงินกู้และวงเงินสินเชื่อน้อยกว่า เมื่อเทียบกับผู้ประกอบการชาย ซึ่งข้อเท็จจริงนี้ถูกพิสูจน์ว่าเป็นปัญหาใหญ่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด โดยร้อยละ 65.9 ของผู้หญิงไทยที่ตอบแบบสอบถามระบุว่า สามารถสร้างยอดขายได้น้อยลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี พ.ศ.2562 ซึ่งต่างจากธุรกิจที่มีเจ้าของหรือถูกบริหารโดยผู้ชายที่ได้รับผลกระทบที่ร้อยละ 59.7 ยิ่งไปกว่านั้นร้อยละ 34.1 ของธุรกิจที่มีเจ้าของหรือถูกบริหารโดยผู้หญิงยังได้ลดอัตราการจ้างงานตั้งแต่ตอนต้นของสถานการณ์การแพร่ระบาด ซึ่งแตกต่างจากผู้ประกอบการชายที่ลดอัตราการจ้างงานที่ร้อยละ 17 นอกจากนี้ ยังมีการเลิกจ้างงานครั้งใหญ่ โดยร้อยละ 12.1 ของธุรกิจที่มีผู้หญิงเป็นเจ้าของได้เลิกจ้างอย่างน้อย 1 ใน 5 ของจำนวนพนักงานทั้งหมด เมื่อเทียบกับธุรกิจที่มีเจ้าของหรือถูกบริหารโดยผู้ชายที่เลิกจ้างงานเพียงร้อยละ 2.4
นอกจากนี้ ผู้หญิงไทยยังคงพบกับอุปสรรคต่อการนำดิจิทัลมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ โดยร้อยละ 39.9 ของผู้ตอบแบบสอบถามที่เป็นผู้หญิงอ้างอิงถึงการขาดความตระหนักรู้หรือความเข้าใจว่าเป็นอุปสรรคที่สำคัญ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเมื่อพิจารณาว่าผู้นำธุรกิจหญิงได้แสดงให้เห็นถึงระดับความยืดหยุ่นในการปรับโมเดลธุรกิจให้เข้ากับสถานการณ์โควิด-19 ที่มากกว่า อีกทั้งผู้นำธุรกิจหญิงยังมีแนวโน้มในการสร้างยอดขายมากกว่าร้อยละ 50 ผ่านช่องทางดิจิทัล
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นความหวังสำหรับผู้หญิงนั้นได้แก่ข้อเท็จจริงที่ว่าทัศนคติในหลายๆ เรื่องนั้นกำลังเปลี่ยนไป โดยผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ ซึ่งรวมถึง
ผู้ตอบแบบสอบถามที่เป็นผู้ชายเห็นพ้องกันว่าผู้หญิงและผู้ชายควรได้รับโอกาสที่เท่าเทียมกันด้านการศึกษา การจ้างงาน และเรื่องการตัดสินใจภายในครอบครัว นอกจากนี้ ผลการศึกษาอื่นๆ ยังได้ยืนยันว่าทั้งผู้ชายและผู้หญิงมีความหวังว่าโลกดิจิทัลจะช่วยสนับสนุนลูกสาวของพวกเขาให้ประสบความสำเร็จในอนาคต
“ความสามารถและการเชื่อมต่อเชิงดิจิทัล สามารถขจัดอุปสรรคที่กีดขวางผู้หญิงที่ว่างงานจากการประกอบอาชีพหรือการเริ่มต้นธุรกิจได้ โดยความสามารถในการทำงานจากที่บ้านและการกำหนดช่วงเวลาการทำงานของพวกเธอได้ด้วยตัวเองหมายความว่าจะมีผู้หญิงอีกจำนวนมากที่สามารถเข้าร่วมตลาดแรงงานได้เช่นเดียวกัน หากเราต้องการที่จะเปลี่ยนความหวังของส่วนรวมนี้ให้กลายเป็นความจริงได้สำเร็จ เราจำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อทำให้แน่ใจว่าผู้หญิงจะสามารถเข้าถึงการศึกษาด้านทักษะเชิงดิจิทัลเป็นพื้นฐานขั้นแรก นี่คือเหตุผลที่เราจะยังคงลงทุนอย่างจริงจังในการพัฒนาเครื่องมือและการฝึกอบรมเพื่อสร้างโลกที่เต็มไปด้วยโอกาสในการเชื่อมต่อ เรียนรู้ และเติบโตสำหรับผู้หญิง” แพร ดํารงค์มงคลกุลกล่าวในที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี