วันพฤหัสบดี ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568
การที่สหรัฐอเมริกามีผู้ติดเชื้อโควิดกว่า 29.6 ล้านคน เสียชีวิตกว่า 2.6 แสนคน ขณะที่ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อเพียง 26,370 คน เสียชีวิต 85 คน (ข้อมูล 7 มี.ค. 64) เป็นเครื่องชี้ถึงความปราชัยอย่างย่อยยับในสงครามโควิดที่น่าเศร้าของสหรัฐอเมริกา ผู้ทรงอิทธิพลอันยิ่งใหญ่ของโลก ดังนั้นจึงเป็นที่น่าสนใจที่จะศึกษาว่า ได้มีการเกิดเหตุร้ายแรงในประเทศที่มีเทคโนโลยีทางการแพทย์สูงและมีเศรษฐกิจดีเช่นนี้ได้อย่างไร?
ประการแรก รัฐบาลสหรัฐมีความสับสนและไม่ได้จัดการอย่างจริงจังกับโควิดตั้งแต่ระยะเริ่มแรก รัฐบาลและสังคมสหรัฐฯใช้เวลานานมากในการตัดสินใจเกี่ยวกับมาตรการป้องกันการระบาดของโควิด -19 ทั้งๆที่ผู้เชี่ยวชาญ อย่างดร. แอนโธนีฟอซี ได้แจ้งเตือน ตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคที่เมืองจีนเมื่อปลายปี 2562 ไม่เหมือนกับรัฐบาลจีนที่เชื่อคำแนะนำของ ดร.จงหนานชาน ทำให้สามารถป้องกันการระบาดของโรคร้ายได้อย่างทันท่วงที
ประการที่สอง ผู้นำสหรัฐฯและชาวอเมริกันจำนวนมากให้ความสำคัญกับการปกป้องเศรษฐกิจ มากกว่าต่อสู้กับการระบาดของโรคโควิด ทำให้มีการต่อต้านการปิดเมือง กักตัวและการอยู่ในที่คนหนาแน่น
ประการที่สาม คนอเมริกันส่วนหนึ่ง ไม่เชื่อหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ว่าการสวมหน้ากากอนามัยเป็นมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดที่พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้ผลในประเทศและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเช่นจีน มาตรการนี้มีราคาถูกและง่ายต่อการส่งเสริม แต่ชาวอเมริกันจำนวนมากรวมทั้งประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯปฏิเสธที่จะทำเช่นนั้น การขาดการป้องกันจากการสวมหน้ากากทำให้การแพร่กระจายของไวรัสร้ายแรงขึ้นและคร่าชีวิตคนที่สามารถรอดชีวิตได้หากสวมหน้ากาก
ประการที่สี่ ขาดกลยุทธ์ในการต่อสู้ และขาดหน่วยบัญชาการป้องกันโรค เนื่องจากการต่อสู้กับโรคระบาดนั้นเทียบเท่ากับการต่อสู้ในสงคราม แต่สหรัฐฯขาดกลยุทธ์ที่สมบูรณ์ในการต่อสู้กับโรคโควิด ไม่ได้จัดตั้งหน่วยบัญชาการระดับสูงและจัดดำเนินการร่วมกันทั่วประเทศเหมือนประเทศจีนหรือเวียดนาม งานต่อต้านการแพร่ระบาดในสหรัฐถูกการเมืองแทรกแซงจนยุ่งเหยิง
ประการที่ห้า การไม่สามารถปรับตัวแก้ไขข้อผิดพลาดในการป้องกันโรค ทั้งๆที่มีตัวอย่างจากประเทศอื่นที่สามารถควบคุมโรคได้ผลดี เช่น นิวซีแลนด์ จีน ไต้หวัน เวียดนาม และประเทศไทย
ประการที่หก ระบบประกันสุขภาพและค่ารักษาพยาบาลในอเมริกาที่สูงและนัดพบหมอได้ยาก ทำให้คนที่มีรายได้น้อยไม่มีเงินซื้อประกันสุขภาพ และไม่ไปหาหมอในโรงพยาบาลเมื่อเจ็บป่วยเล็กน้อย เพราะเกรงจะต้องจ่ายเงินมาก ทำให้โรคโควิดระบาดเข้าไปในหมู่คนยากจน คนไร้บ้าน คนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันผิวดำ และผู้หลบหนีเข้าเมือง จนไม่สามารถสอบสวนหาแหล่งที่มาของโรคได้ โรคร้ายจึงระบาดไปในวงกว้างจนเกินแก้ คนติดเชื้อโควิดที่อยู่ในบ้านจะแพร่เชื้อไปยังคนในบ้านเกือบทุกคนหากไม่ระวังตัวอย่างเข้มงวด คนที่ไปโรงพยาบาลส่วนใหญ่มีอาการหนักจนรักษาไม่ไหว
ประการที่เจ็ด การต่อต้านของผู้ไม่เห็นด้วย ต่อการปิดเมืองป้องกันการแพร่ระบาด ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผู้ตกงานเพราะการปิดโรงงานร้านค้า อีกส่วนหนึ่งเกิดจากผู้สนับสนุนพรรคที่ต่อต้านรัฐบาล
ประการที่แปด การหยิ่งผยองไม่ยอมใช้ยาและอุปกรณ์จากต่างประเทศ สหรัฐเน้นการใช้ยาและอุปกรณ์การแพทย์ที่ผลิตในสหรัฐอเมริกา เช่นวัคซีน โมเดิร์นน่า หรือ ไฟเซอร์ และยา คลอโรควิน ไม่ยอมใช้ยาฟาวิราเปียของญี่ปุ่น หน้ากากหรือวัคซีนซิโนแวคของจีน
ประการที่เก้า การเดินทางด้วยรถใต้ดินที่แออัดยัดเยียดในเมืองใหญ่ เช่นนิวยอร์ค หรือชิกาโก โดยไม่เว้นระยะห่างทางสังคม เป็นแหล่งแพร่เชื้อโควิดเป็นอย่างดี เพราะมีหลายคนที่ไม่ยอมใส่หน้ากากอนามัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี