เป็นภาพที่กำลังกลายเป็นไวรัลไปทั่วโลก กรณีที่มีผู้ใหญ่นำเด็กเล็ก 2 คนปีนข้ามกำแพงที่กั้นพรมแดนระหว่างสหรัฐฯ และเม็กซิโก ซึ่งสูงราว 4.2 เมตร ผู้ใหญ่ได้พาเด็กขึ้นมา และพยายามหย่อนตัวเด็กลงในฝั่งสหรัฐฯ จากคลิปจะเห็นว่าเขาพยายามหย่อนเด็กให้ต่ำที่สุด ก่อนปล่อยเขาตกลงกระแทกพื้น และหย่อนอีกคนตามมา ในลักษณะเดียวกัน แต่ตัวของผู้ใหญ่คนนั้นกลับไม่ข้ามไปด้วย
กล้องอินฟราเรดจับภาพได้ เห็นผู้ใหญ่ 2 คน วิ่งหนีกลับไปในฝั่งประเทศเม็กซิโก แล้วปล่อยเด็กทั้ง 2 คน เผชิญยถากรรมของตนเองตามลำพัง ในแถบทะเลทราย รัฐนิวเม็กซิโก ในดินแดนสหรัฐฯที่ไม่คุ้นเคยมาก่อน คลิปนี้ได้รับการเผยแพร่โดยหน่วยงานลาดตระเวนพรมแดนสหรัฐฯ ซึ่งเด็กทั้ง 2 คน เป็นผู้หญิง เป็นชาวเอกวาดอร์ ทั้งคู่เป็นพี่น้องกัน ในวัย 3 และ 5 ปี เท่านั้น และเมื่อพบเหตุการณ์ดังกล่าว จึงแจ้งไปที่ตำรวจสหรัฐฯ เพื่อนำตัวเด็กทั้ง 2 ส่งต่อไปยังสถานีลาดตระเวนพรมแดน ซานตา เทเรซ่า เพื่อให้การรักษาและให้ที่พักอาศัยเป็นการชั่วคราว ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กำลังพยายามประสานงานกับฝ่ายบังคับใช้กฎหมายของเม็กซิโก เพื่อตรวจสอบว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบการทิ้งเด็กหญิงทั้ง 2 ไว้ที่พรมแดนแบบนี้
รัฐบาลเม็กซิโกระบุว่า แก๊งขบวนการพาคนข้ามแดน บอกให้กลุ่มผู้อพยพพาลูกๆหลานๆ ไปพร้อมกับพวกเขาด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เดินทางมาจากอเมริกากลาง เพื่อที่จะได้ทำเรื่องขอลี้ภัยในสหรัฐฯได้ง่ายขึ้น ขณะที่กลุ่มผู้อพยพจำนวนมากยังคงตกค้างอยู่ในฝั่งประเทศเม็กซิโก และบอกกับผู้สื่อข่าวว่าพวกเขาไม่พอใจอย่างมาก ที่ไม่สามารถข้ามไปในฝั่งสหรัฐฯได้
จากสถิติพบว่า มีชาวอเมริกากลางหลายหมื่นคน พยายามเดินเท้าไปยังพรมแดนเม็กซิโก-สหรัฐฯ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และมีเพิ่มมากขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยอย่างรุนแรงของภูมิภาค ทั้งจากภัยพายุเฮอริเคนหลายลูกที่พัดถล่มรวมถึงวิกฤติโควิด-19 ทำให้พวกเขาหวังว่าจะสามารถเข้าไปแสวงหาชีวิตใหม่ในสหรัฐฯได้ และหวังว่าผู้นำสหรัฐฯ โจ ไบเดนจะกลับลำนโยบายกีดกันผู้อพยพ
ด้าน เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวแถลงเมื่อวันพฤหัสบดี ว่า คลิปวีดีโอดังกล่าวเป็นเหลือเชื่ออย่างที่สุด ตอนนี้สหรัฐฯ ต้องการส่งข้อความที่ชัดเจนไปยังภูมิภาคลาตินอเมริกาว่า ไม่ควรส่งลูกไปเผชิญกับสถานการณ์ตามลำพังแบบนี้ อย่าไปเชื่อคำพวกนายหน้าขบวนการพาผู้อพยพข้ามแดน
ธุรกิจเถื่อน รับจ้างอพยพคนข้ามพรมแดนเฟื่องฟู!
ธุรกิจเหล่านี้ ไปขายฝัน ว่าประธานาธิบดีไบเดน “ต้อนรับผู้อพยพ”ซึ่งนับว่าผิดจากความจริงไปมาก เพราะแม้ไบเดนจะไม่ได้กีดกันผู้อพยพ เหมือนอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเปิดพรมแดน อ้าแขนรับผู้อพยพ แต่อย่างใดก่อนหน้านี้ ไบเดนเคยให้สัมภาษณ์ บอกกับผู้อพยพว่า “อย่ามา อย่าออกมาจากชุมชนของคุณ” เพราะไม่ใช่ว่ามาแล้วก็จะสามารถเข้าสหรัฐฯ ได้เลย
แต่แก๊งเหล่านี้ ก็ยังขายฝัน ว่าเข้าสหรัฐฯ ได้ โดยจะให้บริการอย่างครบครัน ตั้งแต่ นั่งรถตู้ลัดเลาะไปตามเส้นทางป่า (ทางธรรมชาติ) ด้วยการแบ่งกลุ่มเล็กๆ 10-12 คน ต่อคัน จะได้ไม่เตะตาเจ้าหน้าที่ แล้วไปต่อเรือ ข้ามแม่น้ำไปยังเม็กซิโก และท้ายสุดมีรถแท็กซี่ คอยให้บริการต่อ บางครั้งมีรายงานว่า ซ่อนพวกเขาเอาไว้ในรถเทรลเลอร์ด้วย เมื่อไปถึงพรมแดนเม็กซิโก แก๊งก็จะปล่อยให้ผู้อพยพเดินเท้ากันต่อไปด้วยตัวเองไปยังพรมแดนตอนเหนือของเม็กซิโก
แก๊งนี้ยังแนะนำผู้อพยพด้วยว่าให้เอา “ลูกเล็กเด็กแดง” ไปด้วย เพราะนั่นจะทำให้สามารถลี้ภัยเข้าสหรัฐฯได้ง่ายกว่า คนที่มาลำพังคนเดียว ซึ่งธุรกิจนี้ มีค่าใช้จ่ายเด็ก หัวละ 3,250 ดอลลาร์ และ ผู้ใหญ่หัวละ 20,000 ดอลลาร์
ผู้อพยพทำ “ไบเดน” ปวดหัว
ประเด็น “ผู้อพยพเข้าสหรัฐฯ” นับว่าเป็นปัญหาในประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆและเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ปธน.ไบเดน ได้ประกาศแต่งตั้ง รองประธานาธิบดี กมลาแฮร์ริส ให้เป็น “ซาร์” รับหน้าที่ดูแลแก้ปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายจากเม็กซิโกและภูมิภาคอเมริกากลาง ที่แห่ทะลักข้ามพรมแดนทางใต้เข้ามายังสหรัฐฯ ระลอกใหม่ในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ไบเดนกำลังปวดหัวหนักกับวิกฤติผู้อพยพเด็กที่เดินทางข้ามแดนเข้าสหรัฐฯ ตามลำพังจำนวนหลายหมื่นคน หลังพบมีหลายครอบครัวส่งลูกหลานข้ามพรมแดนเม็กซิโกเข้าสู่สหรัฐฯ เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ระหว่างที่ผู้เป็นพ่อและแม่ยอมอยู่ในฝั่งเม็กซิโก
สถานีโทรทัศน์ NBC และ CNN รายงานว่า แค่ช่วงระหว่างวันที่ 28 ก.พจนถึงวันที่ 27 มี.ค. พบว่าหน่วยลาดตระเวนพรมแดนสหรัฐฯ สามารถควบคุมตัวผู้อพยพเด็กไม่ต่ำกว่า 13,000 คน ขณะที่ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ดูเหมือนจำนวนผู้อพยพเดินทางเข้าสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้น ส่งผลทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่มีสถานที่และอุปกรณ์เพียงพอในการรองรับ
ขณะที่ไบเดนพยายามหาทางแก้ปัญหาบ้างแล้ว ด้วยการส่ง โรเบอร์ตา จาค็อบสันเจ้าหน้าที่สภาความมั่นคงสหรัฐฯ ทำหน้าที่ดูแลปัญหาพรมแดน เดินทางเข้าไปยังเม็กซิโก เพื่อหาทางจัดการปัญหาผู้อพยพอย่างมีประสิทธิภาพ และยังส่ง ฮวน กอนซาเลซผู้อำนวยการอาวุโสด้านซีกโลกตะวันตกของทำเนียบขาวไปยังกัวเตมาลา เพื่อหารือถึงปัญหาต้นตอที่ทำให้เกิดการอพยพและหาทางสร้างอนาคตที่มีความหวังขึ้นในภูมิภาค นอกจากนี้ ริคาโด ซูนีกา ทูตด้านภูมิภาคสามเหลี่ยมทางเหนือของอเมริกากลางประจำกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ก็จะเดินทางร่วมคณะไปด้วย
นี่แค่เริ่มต้นยังงานหนักขนาดนี้ทรัมป์ที่ออกจากทำเนียบไปแล้วคงกำลังสบายใจ และคิดว่า กำแพงของเรานี่แหละ...ง่ายสุดแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี