รพ.สนามธรรมศาสตร์ 470 เตียง รองรับโควิดระลอก 3

ช่วยรับผู้ป่วยโควิดที่อาการไม่หนักจาก รพ.ของรัฐและเอกชนใน กทม.

พร้อมรับ refer ได้อีกราว 300 กว่าเตียง

โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ นำโดย ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และ รศ.นพ.พฤหัส ต่ออุดม ผู้อำนวยการโรงพยาบาล จัดพื้นที่เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด-19 เข้ารักษา 470 เตียง โดยวันแรกของโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ที่มีการรับส่งต่อผู้ป่วยจากโรงพยาบาล 7 แห่ง รวม 53 เคส เป็นไปตามแผนที่วางไว้วันละ 60 คน อย่างไรก็ตามช่วงเช้าของวันที่ 12 เมษายน 2564 จะมีเคสจากโรงพยาบาลบำราศนราดูร 30 คน และโรงพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์ ที่ขอจองส่งผู้ป่วยมาเพิ่มอีก 100 เตียง และจากการที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติเป็นโรงพยาบาลหลัก คาดว่าจะมีโรงพยาบาลอื่นส่งต่อผู้ป่วยโควิดเข้ามาให้ช่วยดูแลอีกราว20 เตียง

สำหรับโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ 470 เตียง เปิดขึ้นเพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด-19 เข้ารักษา โดยห้องกักตัวจะเป็นห้องปรับอากาศที่มีห้องน้ำในตัวทั้งหมด พักห้องละ 2 เตียง สำหรับผู้ป่วยโควิดอาการไม่หนักที่ผ่านการดูแลในโรงพยาบาลมาแล้วไม่น้อยกว่า 48 ชม. หรือที่ผ่านการตรวจหาเชื้อจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์แล้วมีผลบวกโดยจะรับผู้ป่วยทั้งจากเครือข่ายโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย โรงพยาบาลของรัฐ และโรงพยาบาลเอกชนใน กทม. และปริมณฑลทุกโรงพยาบาล โดยไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มจากผู้ป่วย นอกเหนือจากการเบิกจ่ายตามสิทธิบัตรทอง หรือประกันสังคมที่มีอยู่เดิม

ทั้งนี้ เป้าหมายของการเปิดโรงพยาบาลสนาม คือการดึงผู้ป่วยโควิด-19 ที่อาการไม่หนักออกจากการครองเตียงในโรงพยาบาลรัฐและโรงพยาบาลเอกชนใน กทม.ให้มากที่สุด เพื่อให้โรงพยาบาลเหล่านี้มีเตียงว่างสำหรับตรวจและรับผู้ป่วยได้ตามปกติ เพราะโรงพยาบาลแต่ละแห่งจะมีวอร์ดที่จัดไว้รองรับโควิด ซึ่งต้องการระบบความปลอดภัยและการควบคุมโรคโดยเฉพาะเพียงแห่งละ 20-30 เตียงเท่านั้น การมีโรงพยาบาลสนามโควิดโดยเฉพาะมากถึง 470 เตียงจึงเป็นการแก้ไขปัญหาคอขวดที่ทำให้ผู้ป่วยโควิดเข้าไม่ถึงการรักษาพยาบาล ซึ่งเป็นปัญหาเฉพาะหน้าของระบบสาธารณสุขของไทยในขณะนี้ และจะเรียกความมั่นใจในระบบสาธารณสุขไทยที่ดีในระดับต้นๆ ของโลกให้กลับคืนมาได้

และล่าสุด วันที่ 12 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่สองของการรับผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ 470 เตียง ได้รับเคสผู้ป่วยโควิดจากโรงพยาบาลในกทม. และปริมณฑล อีก 44 ราย จาก9 โรงพยาบาล รวมสองวันรับแล้ว 97 ราย ยังเหลือเตียงที่พร้อมรับ refer ได้อีกราว 370 เตียง และยังคงเป็นไปตามแผนงานที่จะรับเต็มความจุได้ในหนึ่งสัปดาห์ แม้วันนี้ผู้ป่วยเพิ่มใน กทม. และปริมณฑลมีเพียงสองร้อยกว่าราย และยังอยู่ในกรอบที่ประเมินไว้ขอให้ทุกท่านไว้วางใจในระบบสาธารณสุขที่จะสามารถรองรับผู้ป่วยโควิดได้ทุกราย

โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ซึ่งเป็นโรงพยาบาลหลัก ได้รับ admit ผู้ป่วยโควิดใหม่อีกกว่า 20 ราย จากการที่สามารถส่งต่อผู้ป่วยที่มีอาการคงที่แล้วเข้าโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ซึ่งจะช่วยดูแลสังคมในสถานการณ์วิกฤติอย่างเต็มที่ เต็มกำลังความสามารถ

และในวันสงกรานต์ 13 เมษายน โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์รับผู้ป่วยโควิดเข้ามาอีก 43 ราย จาก 8 โรงพยาบาล โดยรายสุดท้ายส่งมาตอน 2 ทุ่ม ซึ่งขณะนี้รวม 3 วัน รับมาแล้ว 140 ราย ยังเหลือเตียงว่างอีกราว 330 เตียง ส่วนพรุ่งนี้น่าจะมีเข้ามาอีก 6-70 ราย เพื่อให้เตียงโรงพยาบาลใน กทม.ว่างพอรับผู้ป่วยใหม่ ข่าวดีก็ยังมีอยู่ที่จำนวนผู้ป่วยเพิ่มใน กทม.วันนี้ยังอยู่แถวๆ 200 และวันพรุ่งนี้วชิรพยาบาลจะเปิดวอร์ดผู้ป่วยโควิดเพิ่มใหม่อีกหนึ่งวอร์ด 20 เตียง ทำให้ศักยภาพในการรับผู้ป่วยโควิดของวชิรพยาบาลเพิ่มจาก 30 เป็น 50 เตียง และทั้งวชิรพยาบาลและโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ก็ยังคงรับ swab ตรวจหาเชื้ออยู่ตามปกติทุกวันอีกด้วย นอกจากนี้วันนี้ ปตท.ได้กรุณามามอบเงิน 1 ล้านบาท สนับสนุนการตั้งโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จำเป็นแต่ที่ผิดคาดหมายคือวันนี้ต้องรับแพทย์และพยาบาลจากวอร์ดสูติกรรมและห้องคลอดของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์รวม 17 ราย เข้ากักตัวเป็น PUI ในโรงพยาบาลสนามด้วย เพราะเมื่อวานได้ทำการผ่าตัดฉุกเฉินช่วยชีวิตผู้ป่วย ซึ่งทราบภายหลังว่าติดเชื้อโควิด

คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ขอขอบพระคุณ ปตท.และบริษัทในกลุ่ม ที่ในวันสงกรานต์ 13 เมษายนได้กรุณามามอบเงินสนับสนุนหนึ่งล้านบาทเพื่อการปรับปรุงและเปิดหอผู้ป่วยโควิด Negative pressure แห่งใหม่ของวชิรพยาบาล จำนวน 20 เตียงซึ่งจะเปิดรับผู้ป่วยในวันพรุ่งนี้ และจะเพิ่มศักยภาพในการดูแลผู้ป่วยโควิดของวชิรพยาบาล จาก 30 เตียง เป็น 50 เตียง เพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นอย่างมากของผู้ป่วยโควิดในเวฟที่ 3 นี้

มาช่วยกันส่งกำลังใจให้ทีมแพทย์ พยาบาล และทีมบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านมีสุขภาพที่แข็งแรงและเป็นกำลังใจหลักที่แข็งแกร่งให้ก้าวพ้นวิกฤตินี้ไปได้ด้วยดี สู้ สู้ ค่ะ