เทรนด์การทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work from Anywhere) ถูกพูดถึงว่าเป็นอนาคตของโลกการทำงาน (Future of Work) ซึ่งพนักงานออฟฟิศหลายคนต่างใฝ่ฝันที่จะได้ทำงานรูปแบบนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้องค์กรต่างๆ ในไทยทดลองให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) มากขึ้น ซึ่งหลายองค์กรก็มีผลลัพธ์ในด้านประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น จึงได้เริ่มปรับนโยบายให้พนักงานสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ไปตลอด ซึ่งรูปแบบการทำงานนี้อาจจะกลายเป็นเรื่องปกติของการทำงาน และจะเป็นสิ่งที่ดึงดูดคนทำงานรุ่นใหม่ให้เข้ามาทำงานกับองค์กร ด้วยเหตุนี้จ๊อบไทย (JobThai)ในฐานะผู้นำบริการแพลตฟอร์มหางานและสมัครงานออนไลน์ของประเทศไทย จึงพาไปเจาะลึก3 บริษัทในไทยที่ให้พนักงานทำงานจากที่ไหนก็ได้ไปตลอด
THiNKNET - บริษัท ทิงค์เน็ตจำกัด ทิงค์เน็ต เป็นบริษัทไอทีด้านการบริหารจัดการข้อมูลเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นประโยชน์กับสังคมไทยและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้มีการปรับให้พนักงานทำงานที่ไหนก็ได้ โดยปรับรูปแบบการทำงาน (Workflow) ให้พร้อมกับวิธีการทำงานแบบใหม่ และจัดสรรเครื่องมือและเทคโนโลยีให้พนักงานทำงานได้มีประสิทธิภาพกว่าเดิม
พัฒนาแอปฯ จัดการงานทรัพยากรบุคคล และเทคโนโลยีครบครันเพื่อความสะดวกในการทำงาน การทำงานแบบเดิมที่ต้องทำงานออฟฟิศ 9 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น
ไม่มีอีกต่อไป เพราะทิงค์เน็ตให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ของการทำงานมากกว่า พนักงานสามารถจัดเวลาการทำงานของตัวเองได้ โดยทิงค์เน็ตได้พัฒนาแอปพลิเคชันที่ใช้ในการบริหารจัดการพนักงานสำหรับการทำงานจากระยะไกล (Remote Working) โดยแอปพลิเคชันนี้มีหน้าที่ในการจัดการเรื่องเข้า-ออกงาน และการแจ้งลา เป็นต้น
ปรับออฟฟิศรับวิถีการทำงานแบบ New Normal มีการปรับสถานที่ทำงานให้รองรับกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากเดิมที่มีโต๊ะประจำถูกเปลี่ยนเป็นโต๊ะทำงานแบบ Open-plan Office และจัดตู้ล็อกเกอร์เพื่อให้พนักงานสามารถเก็บของส่วนตัว และยังมีการทำความสะอาดพื้นที่ส่วนรวมตลอดเวลานอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์การประชุมที่ทันสมัยสามารถเชื่อมต่อกับการทำงานออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พนักงานมีความสุขในการทำงานจากที่ไหนก็ได้ พนักงานทิงค์เน็ตต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทำให้พวกเขามีเวลาไปทำกิจกรรมที่ต้องการมากขึ้น พนักงานที่มีครอบครัวอยู่ต่างจังหวัดก็สามารถไปทำงานที่บ้านต่างจังหวัดและมีเวลาดูแลครอบครัว ส่วนพนักงานที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวก็สามารถเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานได้ตามต้องการ และพนักงานหลายคนก็มีเวลาไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม หรือทำงานอดิเรกได้
Builk - บริษัท บิลค์ วัน กรุ๊ปบิลค์ วัน กรุ๊ป บริษัทเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่มีนโยบายให้พนักงานทำงานที่ไหนก็ได้ จึงมองหาพื้นที่สำหรับขยายออฟฟิศให้ใหญ่ขึ้นอยู่เสมอ แต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้บิลค์ได้ทดลองให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน ซึ่งพบว่าองค์กรและพนักงานต่างได้ประโยชน์จากการทำงานแบบนี้ไม่ว่าจะเป็นการลดค่าใช้จ่ายเรื่องสถานที่ค่าเดินทาง และยังสามารถจัดสรรเวลาของตัวเองได้มากขึ้น
นโยบาย Work from Anywhere มาจากการรับฟังพนักงาน และออกแบบโมเดลการทำงานของตัวเอง บิลค์ ให้พนักงานเลือกทำงานจากที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นทำงานจากที่บ้าน หรือออฟฟิศสำนักงานใหญ่และบิลค์ ยังได้หาพื้นที่ Co-working Office กระจายในย่านต่างๆ เพื่อให้พนักงานที่พักอยู่ในย่านนั้นไปทำงานร่วมกันได้ โดยบิลค์มีไอเดียที่จะต่อยอดโมเดลนี้ไปใช้ในต่างจังหวัดด้วย เพราะมองว่าโมเดลนี้จะช่วยหาคนเก่งมาร่วมงานได้ และคนเก่งเหล่านั้นก็สามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีตามที่พวกเขาต้องการได้
การสื่อสารและเทคโนโลยีเป็นสิ่งสำคัญในการทำงานแบบ Work from Anywhere การทำงานจากระยะไกลนั้นคนไม่จำเป็นต้องมาอยู่ร่วมกันในที่เดียวกัน การสื่อสารจึงเป็นสิ่งสำคัญในการทำงานแบบนี้ โดยผู้บริหารมีการสื่อสารกับพนักงานมากขึ้นเพื่อให้มองเป้าหมายเดียวกันชัดเจน และในการทำงานต้องมีการประสานงานกันมากขึ้น นอกจากนี้ ยังต้องมีความพร้อมในเรื่องเทคโนโลยีดิจิทัลและเครื่องมือในการบริหารจัดการงานด้านต่างๆ ซึ่งบิลค์เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มีระบบซอฟต์แวร์รองรับการทำงานอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นซอฟต์แวร์สำหรับจัดการอนุมัติเอกสาร การจองสถานที่ที่ออฟฟิศ รวมถึงงานด้านบัญชี ดังนั้นการปรับให้พนักงานทำงานที่ไหนก็ได้จึงทำได้อย่างรวดเร็ว
เลือกคนให้เหมาะสมกับวัฒนธรรมองค์กร คนที่จะทำงานจากที่ไหนก็ได้ ต้องเป็นคนที่สร้างแรงจูงใจในการทำงานได้ด้วยตัวเอง เนื่องจากการทำงานจากที่ไหนก็ได้จะผสานเรื่องงานและชีวิตส่วนตัวเข้าด้วยกันมากขึ้น นอกจากนี้จะต้องมีทักษะในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการคัดเลือกคนมาร่วมงานกับบิลค์
SCB - ธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด (มหาชน) หลังจากที่ SCBมีนโยบายให้พนักงานทำงานที่บ้านเนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 แล้วพบว่าพนักงานสามารถทำงานได้โดยมีประสิทธิภาพในการทำงาน (Productivity) มากขึ้น SCB จึงได้นำคอนเซ็ปต์การทำงานจากที่ไหนก็ได้มาปรับใช้เพื่อตอบโจทย์วิถีการทำงานใหม่
การทำงานสะดวกและรวดเร็วขึ้นการทำงานในองค์กรขนาดใหญ่มักมีกระบวนการพิจารณา และอนุมัติเอกสารหลายขั้นตอน ทำให้มีข้อจำกัดเรื่องความเร็วในการทำงาน การทำงานจากระยะไกล ทำให้ SCB ทลายกรอบการทำงานแบบเดิมๆ
มองที่เป้าหมายมากกว่าเวลาเข้า-ออกงาน การสื่อสารและCollaboration คือสิ่งสำคัญ เวลาเข้า-ออกงาน ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญของการทำงานจากที่ไหนก็ได้ เพราะปัจจัยสำคัญของการทำงานแบบนี้อยู่ที่เป้าหมายและผลลัพธ์ของงาน โดยในแต่ละแผนกสามารถวางแผนงานและบริหารจัดการวิธีการทำงานของตัวเองได้โดยยึดถือวัฒนธรรมการทำงานเดียวกัน และอาศัยสิ่งที่สำคัญในการทำงานคือการสื่อสารมากขึ้น การเปลี่ยนรูปแบบมาเป็นการทำงานจากที่ไหนก็ได้ของ SCB สามารถบริหารจัดการให้พนักงานทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีในการทำงานร่วมกัน (Collaboration) และพร้อมที่จะปรับตัวตามสถานการณ์อยู่เสมอ
ความสุขของพนักงานเป็นสิ่งสำคัญ พนักงาน SCB ต่างมีความสุขกับการทำงานจากที่ไหนก็ได้ เพราะทำให้จัดการบริหารเวลาได้มากขึ้น ไม่ต้องเผชิญปัญหารถติด ซึ่ง SCB ก็มองถึงความสุขของพนักงานในหลายมิติ ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต โดย SCB ได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลเพื่อดูแลเรื่องสุขภาพให้กับพนักงานแบบออนไลน์สามารถพบหมอเพื่อปรึกษาอาการเจ็บป่วยจากที่ไหนก็ได้ พร้อมทั้งส่งยาไปให้ที่บ้านและยังมีนักจิตวิทยาคอยให้คำปรึกษาเรื่องการจัดการความเครียดให้กับพนักงานด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี