อินเดียกำลังเผชิญปัญหาในการผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 ให้เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ จนส่งผลต่อนานาประเทศที่กำลังรอวัคซีนจากอินเดียและดูเหมือนว่าแม้จะยังไม่ส่งออกวัคซีนวัคซีนที่อินเดียคาดว่าจะผลิตได้ในปีนี้นั้นก็ยังไม่เพียงพออยู่ดี
BBC รายงานว่า สถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย หรือ SII ผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่สุดของอินเดีย กำลังประสบปัญหาในการผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 ให้เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ จึงทำให้ SII ระบุว่า การผลิตวัคซีนเพื่อส่งออกไปยังชาติอื่น ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้จนกว่าจะถึงปลายปีนี้ โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลอินเดียตั้งเป้าเพื่อการผลิตวัคซีนให้ได้อย่างน้อย 2,000 ล้านโดส ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงธันวาคมปีนี้เพื่อรับมือกับสถานการณ์ระบาดอันรุนแรงในประเทศ
ขณะนี้ ทางการอินเดียอนุมัติการใช้งานของวัคซีนสามขนานคือ Covishield และ Covaxin ซึ่งสองตัวนี้ผลิตในอินเดีย ส่วนตัวที่สามคือ วัคซีน Sputnik V ของรัสเซีย สำหรับวัคซีน Covishield นั้น สถาบันเซรุ่มแห่งอินเดียได้ผลิตภายใต้ใบอนุญาตของAstraZeneca ขณะที่วัคซีน Covaxin นั้นพัฒนาโดยบริษัท ภารัต ไบโอเทค(Bharat Biotech) ของอินเดียเอง
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายการผลิตวัคซีนต้านโควิด 19 จำนวน 2,000 ล้านโดส ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ของรัฐบาลอินเดียนั้น ยังถือเป็นหนทางที่ยาวไกล เพราะแม้อินเดียกำลังพัฒนาวัคซีนอีกหลายขนาน แต่มีการอนุมัติใช้งานได้เพียงสามขนานเท่านั้น
ดร.จันทรากานต์ ลาฮาริยา นักระบาดวิทยาจึงระบุว่า อินเดียไม่สามารถพึ่งพาวัคซีนที่ยังไม่ผ่านการอนุมัติได้ เพราะฉะนั้น สิ่งที่ต้องทำคือการยกระดับการผลิตของวัคซีนที่มีอยู่โดย SII คาดการณ์ว่า จะสามารถผลิตวัคซีน Covishield ได้ 750 ล้านโดสและวัคซีน Covovax ซึ่งเป็นของบริษัท Novavax อีก 200 ล้านโดส แต่ตัวหลังยังต้องรอการอนุมัติจากการอินเดียก่อน ด้านภารัต ไบโอเทค กำลังผลิตวัคซีนสองชนิด โดยคาดว่าจะสามารถผลิตวัคซีน Covaxin ได้ราว 550 ล้านโดส และวัคซีนอีกขนานของบริษัทซึ่งกำลังอยู่ในการทดลองช่วงต้นอีก 100 ล้านโดส
เมื่อพิจารณาศักยภาพของทั้งสองบริษัทในการผลิตวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติแล้ว ถือได้ว่า จำนวนดังกล่าวยังไม่เพียงพอต่อเป้าหมาย 2,000 ล้านโดส ของรัฐบาลแต่อย่างใด ทำให้รัฐบาลอินเดียระบุว่า กำลังเจรจากับบริษัทระดับโลกอื่นๆ อีก เพื่อนำเข้าวัคซีน ไม่ว่าจะเป็น Pfizer, Moderna และ Johnson & Johnson แต่บริษัทเหล่านี้ระบุว่า จะสามารถหารือเรื่องการจัดส่งวัคซีนได้ก็เดือนตุลาคม
นอกจากนี้ การผลิตวัคซีนของอินเดียยังได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนวัตถุในการผลิตด้วย หลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ได้บังคับใช้กฎหมาย “การผลิตเพื่อการป้องกัน หรือ DPA ช่วงต้นปีที่ผ่านมา เพื่อเปิดทางให้ผู้ผลิตวัคซีนของสหรัฐฯสามารถเข้าถึงวัตถุดิบได้ก่อน ต่อมา เมื่อเดือนที่แล้ว รัฐบาลสหรัฐฯระบุว่า จะจัดหาวัตถุดิบพิเศษสำหรับการผลิตวัคซีน Covishield ในอินเดียแต่ SII ระบุว่า ยังคงขาดแคลนซัพพลายที่จำเป็นจากสหรัฐฯ อยู่
ดร.ซาราห์ สกิฟฟลิง ผู้เชี่ยวชาญด้านซัพพลายเชนของวัคซีนจาก John Moores University ระบุว่า ซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมยานั้นซับซ้อนและมีความเฉพาะเจาะจง เมื่อทั่วโลกมีความต้องการสูง บรรดาซัพพลายเออร์ใหม่ๆ ก็ไม่สามารถผุดขึ้นมาได้รวดเร็วทันการณ์เหมือนอุตสาหกรรมอื่นๆ และซัพพลายเออร์รายใหม่ก็มักไม่ได้รับความไว้วางใจง่ายเท่าไหร่นัก
อินเดียเริ่มฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ให้กับประชาชนตั้งแต่กลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้มีการฉีดวัคซีนไปแล้วราว 185 ล้านโดสขณะที่ปัจจุบัน มีการฉีดวัคซีนให้ประชาชนราว 1.6 ล้านโดสต่อวันหากความเร็วในการฉีดวัคซีนยังอยู่ระดับนี้ รัฐบาลอินเดียต้องใช้เวลาถึง 4 ปี กว่าประชากรทั้งประเทศ 1,300ล้านคน จะได้รับวัคซีนกันครบ สวนทางกับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่หลายรัฐของอินเดีย เช่น มหาราษฏระ และกรุงนิวเดลีต้องระงับการฉีดวัคซีนให้ประชากรวัย 18-44 ปี เป็นการชั่วคราว เพราะวัคซีนมีไม่เพียงพอ
การที่อินเดียต้องระดมสรรพกำลังในการฉีดวัคซีนให้ประชากรของตนเอง จึงนำไปสู่คำสั่งห้ามส่งออกวัคซีนไปชาติอื่นตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา และแม้ทางการอินเดียจะเริ่มอนุญาตให้มีการบริจาควัคซีนจำนวนไม่มาก และจำกัดจำนวนวัคซีนที่ต้องจัดหาให้โครงการวัคซีนโลก Covax แล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณใดที่จะมีการอนุญาตการส่งออกขนาดใหญ่ได้ในเร็ววันนี้
ขณะที่สถาบันเซรุ่มแห่งอินเดียได้ยืนยันชัดเจนว่า อย่างเร็วสุดกว่าจะส่งออกวัคซีนได้ ก็คงเป็นช่วงสิ้นปีนี้นั่นเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี