สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เล็งเห็นความสำคัญในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนให้สอดรับกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยแจงแผนเตรียมความพร้อมการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 พร้อมชี้แนวทางการเรียนการสอนผ่าน 5 รูปแบบ เน้นความปลอดภัยของนักเรียนโดยเฉพาะนักเรียนพิการและนักเรียนด้อยโอกาส

นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า “สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนทุกเพศ ทุกวัย กระทรวงศึกษาธิการได้ตระหนักถึงความสำคัญในความปลอดภัยสูงสุดของครู นักเรียน บุคลากรทางการศึกษา จึงได้พิจารณาเสนอเรื่องการเลื่อนเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 จากวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ออกไปอีก โดยเลื่อนเป็นวันที่ 14 มิถุนายน 2564 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่มีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง จึงได้มีการเตรียมความพร้อมของการจัดการเรียนการสอนทั้งการจับสลาก การตรวจสอบความพร้อมในการจัดการเรียนการสอนของแต่ละโรงเรียนว่าจะเป็นไปในรูปแบบไหนและการกำหนดแนวทางการเรียนการสอนที่ยังคงเน้น 5 รูปแบบ พร้อมทั้งมีการร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการพัฒนาครูให้มีทักษะการสอนที่น่าสนใจ และสามารถสอนออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญได้มีการประสานกับ DLTV ในเรื่องการจัดตารางการเรียนการสอนที่เชื่อมโยงกับการจัดตารางเรียนปกติ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการเรียนการสอนแก่นักเรียน อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด”

สำหรับการเรียนการสอนที่ทาง สพฐ. กำหนดให้สถานศึกษาดำเนินการ 5 รูปแบบ คือ 1. ON-SITE คือการเรียนที่โรงเรียน ซึ่งจะใช้ในโรงเรียนขนาดเล็กและโรงเรียนที่ไม่มีการระบาดของโรค 2. ONLINE คือการเรียนผ่านระบบออนไลน์ 3. ON-AIR คือการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (DLTV) 4. ON-DEMAND คือการเรียนผ่านแอปพลิเคชั่นต่างๆ และ 5. ON-HAND เป็นการจัดใบงานหรือแบบฝึกหัดเป็นชุดให้นักเรียนนำไปเรียนรู้ด้วยตนเองที่บ้าน โดยมีครูคอยติดตามผลเป็นระยะ

พร้อมกันนี้ สพฐ.ได้กำชับการจัดการเรียนการสอนสำหรับนักเรียนพิการและนักเรียนด้อยโอกาส ในกำกับดูแลจำนวน 176 แห่ง โดยก่อนการเปิดภาคภาคเรียน ให้สถานศึกษาจัดเตรียมสถานที่ ทำความสะอาด อาคารเรียน อุปกรณ์การเรียน สถานที่รับประทานอาหาร และสถานที่อื่นๆ ที่ใช้พื้นที่สัมผัสร่วมกัน โดยจัดพื้นที่สำหรับล้างมือให้มีเพียงพอ อยู่ในสภาพดี พร้อมใช้งาน รวมถึงมาตรการการเว้นระยะห่าง กรณีนักเรียนประจำให้มีการเว้นระยะห่างที่นอนอย่างน้อย 1 เมตร พร้อมทั้งให้ประสานงานสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อคัดกรองผู้ปกครองและนักเรียนในวันรายงานตัวนักเรียน จัดทำประวัตินักเรียนและครอบครัวเกี่ยวกับสุขภาพ การมีโอกาสสัมผัสผู้ติดเชื้อหรือโรคติดต่ออื่นๆ และพื้นที่เสี่ยงมาก่อนในวันเปิดภาคเรียน ให้งดกิจกรรมหน้าเสาธง กิจกรรมออกกำลังกาย รวมถึงการขอความร่วมมือจากผู้ปกครองงดการเข้าเยี่ยมนักเรียน และไม่อนุญาตให้นักเรียนออกนอกบริเวณสถานศึกษา

“วันเปิดภาคเรียน ให้จัดการเรียนการสอนที่สถานศึกษาในพื้นที่ปลอดภัย (ON-SITE) งดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ใช้กระบวนการกลุ่ม โดยให้ใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบบรรยายโดยผ่านระบบออนไลน์ประกอบการค้นคว้าด้วยตนเอง หรือใช้รูปแบบอื่นไป นอกจากนี้ครูต้องออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจแก่นักเรียนในการปฏิบัติตัวในสถานการณ์โควิดด้วยสื่อเทคโนโลยี ส่วนกรณีไม่สามารถเปิดเรียนได้ ให้จัดการเรียนการสอนทางไกลในลักษณะ ON-AIR (เรียนที่บ้าน) หรือ ONLINE (เรียนผ่านอินเตอร์เนต และแอปพลิเคชั่น)” นายอัมพรกล่าวเสริม

ทั้งนี้ การจัดการเรียนการสอนทั้งสถานศึกษาทั่วไป และสถานศึกษาสำหรับเด็กพิเศษ ทางสพฐ.กำชับให้สถานศึกษาติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดพิจารณารูปแบบการเรียนการสอน โดยยึดหลักความปลอดภัยสูงสุดของเด็ก ครู ผู้ปกครองเป็นที่ตั้ง นักเรียนทุกคนต้องไม่พลาดโอกาสในการเรียนรู้ ไม่บังคับว่าเด็กทุกคนในโรงเรียนเดียวกันต้องเรียนเหมือนกัน การตัดสินใจใช้รูปแบบใดในการจัดการเรียนการสอน รวมถึงการจัดการเรียนการสอนที่โรงเรียน ต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจ ขออนุญาตกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดให้ถูกต้อง และปฏิบัติตามข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด..///