กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ หรือ UNFPA หน่วยงานด้านสุขภาพทางเพศและอนามัยการเจริญพันธุ์ขององค์การสหประชาชาติ เปิดรายงาน ร่างกายเป็นของฉัน : สิทธิการมีอิสระและการกำหนดทางเลือกร่างกายของตนเอง
ซึ่งเป็นรายงานสถานการณ์ประชากรโลกใน 2021 (State of World Population 2021) และเป็นรายงานฉบับแรกขององค์การสหประชาชาติซึ่งมุ่งเน้นเรื่องความมีอิสระในร่างกาย เผยข้อค้นพบสำคัญ เกือบครึ่งของผู้หญิงในประเทศกำลังพัฒนา 57 ประเทศ มิได้รับสิทธิในการตัดสินใจว่าจะมีเพศสัมพันธ์กับคู่ของตนหรือไม่ รวมทั้งสิทธิในการคุมกำเนิด หรือแสวงหาการดูแลสุขภาพ ชี้สถานการณ์นี้เป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่อสิทธิในร่างกายซึ่งควรเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานสำหรับทุกคน
เมื่อเร็วๆ นี้ UNFPA ได้มีการเปิดตัวรายงานฉบับนี้ในกรุงเทพฯประเทศไทย ผ่านระบบออนไลน์ โดยมีผู้สนับสนุนและนักเคลื่อนไหวจากทั่วเอเชีย-แปซิฟิก รวมทั้งจากในประเทศไทยเข้าร่วมงาน ได้แก่ สถานทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย สถานทูตเม็กซิโกประจำประเทศไทย สำนักงานระดับภูมิภาคขององค์การเพื่อการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศและเพิ่มพลังของผู้หญิงแห่งสหประชาชาติ เอเชีย และแปซิฟิก หรือ UN Women และผู้นำของการประชุมว่าด้วยความเสมอภาค (Generation Equality Forum) หรือ GEF การประชุมครั้งนี้นับเป็นการรวมตัวครั้งสำคัญขององค์การระดับโลก มีศูนย์กลางที่ภาคประชาสังคมเพื่อสนับสนุนความเสมอภาคทางเพศ จัดขึ้นโดยองค์การเพื่อการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศและเพิ่มพลังของผู้หญิงแห่งสหประชาชาติ (UN Women) และมีรัฐบาลฝรั่งเศสและเม็กซิโก เป็นเจ้าภาพร่วม โดย UNFPA เป็นผู้นำร่วม และฝรั่งเศสเป็นส่วนหนึ่งของ GEF ความร่วมมือในการปฏิบัติเกี่ยวกับความมีอิสระในร่างกายของ GEF (GEF Action Coalition on Bodily Autonomy)
รายงานฉบับนี้ UNFPA ได้มุ่งเน้นการวัดอำนาจของผู้หญิงในการตัดสินใจเกี่ยวกับร่างกายของตน และขอบเขตที่กฎหมายในประเทศต่างๆ ที่สนับสนุนหรือแทรกแซงสิทธิของผู้หญิงในการตัดสินใจเหล่านี้ โดยในบรรดาประเทศที่มีข้อมูลอยู่นั้น รายงานดังกล่าวพบว่า 1)มีเพียงร้อยละ 55 ของผู้หญิงที่ได้รับอำนาจอย่างเต็มที่ที่จะตัดสินถึงทางเลือกของตนเองเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การคุมกำเนิด และความสามารถที่จะยอมรับหรือปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์ 2)มีเพียงร้อยละ 75 ของประเทศเหล่านั้น ที่มีการรับรองตามกฎหมายสำหรับการเข้าถึงการคุมกำเนิดอย่างเสมอภาคและสมบูรณ์3)มีเพียงประมาณร้อยละ 56 ของประเทศเหล่านั้นที่มีกฎหมายและนโยบายสนับสนุนเพศวิถีศึกษารอบด้าน (comprehensive sexuality education)
ข้อมูลแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงที่ชัดเจนระหว่างอำนาจในการตัดสินใจกับระดับการศึกษาที่สูงขึ้นนอกจากนั้น รายงานนี้ยังบันทึกถึงการละเมิดอิสระในร่างกายด้วยวิธีการอื่นๆโดยเปิดเผยว่า 20 ประเทศ หรือเขตแดนมีกฎหมายให้ “แต่งงานกับผู้ที่ข่มขืน” ซึ่งทำให้ผู้ชายสามารถพ้นจากการดำเนินคดีทางอาญาได้ และ 23 ประเทศไม่มีกฎหมายที่กล่าวถึงประเด็น
ของการข่มขืนโดยคู่สมรส รวมทั้งเด็กหญิงและเด็กชายพิการมีแนวโน้มที่จะต้องเผชิญกับความรุนแรงทางเพศมากขึ้นถึงสามเท่า โดยเด็กหญิงมีความเสี่ยงมากที่สุด
รายงานยังอีกพบว่า วิธีแก้ปัญหาที่แท้จริง คือจะต้องพิจารณาถึงความต้องการและประสบการณ์ของผู้ที่ได้รับผลกระทบ ดังเช่นที่ประเทศไทยได้กระทำในการจัดการกับความท้าทายที่เกิดขึ้นมานานเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ด้วยการตรากฎหมาย พระราชบัญญัติว่าด้วยการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ.2559 ประเทศไทยได้สร้างกลไกแบบบูรณาการเพื่อรับรองถึงสิทธิอันมีต่อสุขภาพทางเพศและอนามัยการเจริญพันธุ์สำหรับคนหนุ่มสาวพระราชบัญญัติฉบับนี้กำหนดสิทธิสำหรับวัยรุ่นที่จะควบคุมความมีอิสระในร่างกายของตนเอง โดยคำนึงถึงความเสมอภาคระหว่างเพศ รวมทั้งสิทธิในการตัดสินใจด้วยตนเองสิทธิที่จะได้รับข้อมูลและความรู้ สิทธิที่จะได้รับบริการสุขภาพการเจริญพันธุ์ สิทธิในการรักษาความลับและความเป็นส่วนตัว รวมทั้งสิทธิที่จะได้รับสวัสดิการทางสังคม ซึ่งมีความเสมอภาคและไม่เป็นการเลือกปฏิบัติ
นายควาเบน่า อาซานเต-เอ็นเทียโมอา (Kwabena Asante-Ntiamoah) รักษาการผู้อำนวยการ UNFPA ประจำประเทศไทย และรักษาการผู้แทน UNFPA ประจำประเทศมาเลเซีย กล่าวไว้ในปาฐกถาปิดงานการเปิดตัวรายงานสถานการณ์ประชากรโลก2021 ว่า “รัฐบาลไทยและภาคประชาสังคมได้ทำงานร่วมกัน โดยมีวัยรุ่นเข้ามีส่วนร่วมอย่างสำคัญ ภายใต้กฎหมายที่เป็นหลักในการแก้ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น กฎหมายฉบับนี้ยังมุ่งที่จะเสริมสร้างสิทธิของวัยรุ่น รวมทั้งเพิ่มการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพทางเพศและอนามัยการเจริญพันธุ์ รวมทั้งข้อมูลข่าวสารและการศึกษาอย่างต่อเนื่องสำหรับมารดาวัยรุ่น เพื่อสร้างความมั่นใจถึงอนาคตด้านเศรษฐกิจและสังคมของคนเหล่านั้น UNFPA ขอชื่นชมประเทศไทยสำหรับกรอบทางกฎหมาย กลไก และความร่วมมือเพื่อสนับสนุนความมีอิสระในร่างกายสำหรับเยาวชนและวัยรุ่นทุกคน โดยเฉพาะวัยรุ่นหญิง”
ทั้งนี้ การปฏิเสธความมีอิสระในร่างกาย เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของผู้หญิงและเด็กหญิง ดังที่ ระบุไว้ภายใต้แผนปฏิบัติการ ICPD พ.ศ. 2537 แผนปฏิบัติการปักกิ่ง พ.ศ. 2538 และ วาระการพัฒนาอย่างยั่งยืนและเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน พ.ศ. 2573 ซึ่งได้ระบุถึงเป้าหมายอย่างชัดเจนเกี่ยวกับความมีอิสระและสิทธิความชอบธรรมในร่างกาย
นอกจากนี้ ในช่วงหนึ่งของการเปิดตัว ร่างกายเป็นของฉัน : สิทธิการมีอิสระและการกำหนดทางเลือกร่างกายของตนเอง ได้มีการอภิปรายเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของวัยรุ่นในประเทศไทยซึ่งเป็นหนึ่งในข้อมูลสำคัญของการผลักดันครั้งนี้ โดยผู้ร่วมอภิปรายจากภาครัฐและภาคประชาสังคม ได้บอกเล่าถึงวิธีปฏิบัติที่ดีของประเทศไทยในการจัดการกับประเด็นว่าด้วยพื้นฐานของสิทธิและความเสมอภาคระหว่างเพศ
จากมุมมองของนักวิชาการที่ทำงานอย่างใกล้ชิดกับมารดาวัยรุ่นจากกลุ่มชาติพันธุ์ นางสาวประภัสสร มิสา หน่วยวิจัยมาลาเรียโซโกล มหาวิทยาลัยมหิดล ด้วยความร่วมมือกับสถานทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย ภายใต้โครงการเสริมสร้างระบบสุขภาพเพื่อผู้ย้ายถิ่นชายขอบและผิดกฎหมายในจังหวัดตาก: สุขภาพทางเพศและการเจริญพันธุ์สำหรับเด็กหญิงที่ไม่ได้ถือสัญชาติไทย กล่าวว่า “สถิติได้แสดงให้เห็นว่า สัดส่วนของเด็กวัยรุ่นที่ตั้งครรภ์และไม่ได้ถือสัญชาติไทยนั้นเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับกลุ่มอายุที่มากกว่า (20-24 ปี) สิ่งสำคัญที่จะรับประกันว่าเด็กหญิงจากกลุ่มชาติพันธุ์สามารถจัดการเรื่องอิสระในร่างกายของตนเองได้ คือการเสริมพลังเด็กหญิงเหล่านี้ให้สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับร่างกายและอนาคตของตนได้ ทั้งนี้ สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการเปลี่ยนแปลงขนบในการห้ามพูดถึงเรื่องสุขภาพทางเพศและการเจริญพันธุ์”
นายแพทย์มนัส รามเกียรติศักดิ์ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะเลขาธิการของพระราชบัญญัติฉบับนี้ กล่าวว่า “ประเทศไทยมีกรอบทางกฎหมายที่สำคัญ ได้แก่ พระราชบัญญัติว่าด้วยการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ.2559 เพื่อส่งเสริมกลไกแบบบูรณาการระหว่างกระทรวงต่างๆ และร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย รวมทั้งคนหนุ่มสาว เพื่อให้มั่นใจถึงการให้บริการสุขภาพทางเพศและอนามัยการเจริญพันธุ์แก่ผู้หญิงในวัย เจริญพันธุ์ทุกคนรวมทั้งเด็กหญิงวัยรุ่น การแก้ไขกฎหมายเมื่อเร็วๆ นี้ อนุญาตให้มีการยุติการตั้งครรภ์อย่างปลอดภัยสำหรับการตั้งครรภ์ที่มีอายุไม่เกิน 12 สัปดาห์ นอกจากนี้ ยังมีการสร้าง Line Official “Line Club” เพื่อเป็นช่องทางแบบเรียลไทม์สำหรับคนหนุ่มสาวที่ต้องการคำปรึกษาและบริการด้านสุขภาพทางเพศและอนามัยการเจริญพันธุ์อย่างทันท่วงที กลไกนี้มุ่งที่จะเสริมสร้างให้เด็กหญิงวัยรุ่นมีความรู้เท่าทันด้านสุขภาพ เพื่อที่จะสามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและควบคุมความมีอิสระในร่างกายของตนได้”
ด้าน นายโยธิน ทองพะวา ประธานสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทยและสมาชิกคณะกรรมการระดับชาติภายใต้พระราชบัญญัติว่าด้วยการป้องกันและแก้ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น กล่าวว่า “จุดคาดงัดในการแก้ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นคือ มีการตั้งเครือข่ายและสมาชิกสภาเยาวชนในทุกระดับของประเทศไทยทั้งระดับชาติ ระดับอำเภอ และระดับตำบล คนเหล่านี้คือผู้สนับสนุนให้วัยรุ่นเยาวชนเพิ่มความตระหนักรู้ถึงสิทธิของวัยรุ่นที่มีต่อสุขภาพทางเพศและอนามัยการเจริญพันธุ์ การศึกษา และบริการด้านสวัสดิการสังคม ที่ได้กำหนดไว้ในมาตราที่ 5 ของพระราชบัญญัติว่าด้วยการป้องกันและแก้ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ.2559 นอกจากนี้ ยังได้ระดมความคิดเห็นของเยาวชนเพื่อจัดทำให้เป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในฐานะที่เป็นกลไกการตรวจติดตามอย่างสร้างสรรค์เพื่อให้บริการอย่างเป็นมิตรแก่เยาวชน”
ภายในงานอภิปรายยังมีผู้เชี่ยวชาญและผู้นำองค์การสำคัญหลายท่านได้ร่วมให้ความเห็นและข้อสังเกตที่น่าสนใจ โดยสามารถรับชมการเปิดตัวรายงานสถานการณ์ประชากรโลก 2021 โดย UNFPA ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่: YouTube.com/UNFPAAsia และ Facebook.com/UNWomenAsia หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม อีเมล sumalnop@unfpa.org โทร.081-9175602
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี