ชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และ ผู้ทรงคุณวุฒิในแวดวงแฟชั่นและผ้าไทย ร่วมแถลงข่าว
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม และศูนย์บริการวิชาการ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ชวนผู้ประกอบการผ้าทอพื้นถิ่นของไทย นักออกแบบลายผ้าไทยรุ่นใหม่ และผู้สนใจ ส่งผลงานเข้าประกวดออกแบบลายผ้าไทยสู่สากล เพื่อต่อยอดและพัฒนา (Cultural Textile Awards 2021) ภายใต้โครงการพัฒนามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมผ้าไทยสู่สากล ประจำปี 2564 นำเสนอความคิดสร้างสรรค์จากผ้าไทย ภายใต้แนวคิดหลัก “สังคมสรรค์สร้าง Social Creation” ซึ่งเป็นองค์ความรู้จากหนังสือแนวโน้มและทิศทางผ้าไทย และการออกแบบเครื่องแต่งกายด้วยผ้าไทย (Thai Texiles Trend Book Spring/Summer 2022) ดึงผู้ทรงคุณวุฒิในแวดวงแฟชั่นและผ้าไทย ถ่ายทอดแนวคิดในการสร้างแรงบันดาลใจและสร้างสรรค์แฟชั่นจากผ้าไทย เพื่อสร้างสรรค์ลายผ้าให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด พร้อมต่อยอดภูมิปัญญาผ้าไทยสู่ความยั่งยืน ที่ไม่ว่ายุคไหนก็ไม่มีคำว่าเชย
นายชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม อยากเปิดโอกาสให้นักออกแบบรุ่นใหม่และผู้ประกอบการได้สร้างสรรค์พัฒนาผ้าไทยให้ได้รับความนิยมในระดับสากล ส่งเสริมการต่อยอดผลิตภัณฑ์จากผ้าไทยและเครื่องนุ่งห่มตรงตามความต้องการของผู้บริโภคที่นำมาใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน โดยผู้ประกอบการและนักออกแบบรุ่นใหม่ สามารถส่งผลงานเข้าประกวดภายใต้แนวคิดหลัก“สังคมสรรค์สร้าง Social Creation” ซึ่งเป็นองค์ความรู้จากหนังสือแนวโน้มและทิศทางผ้าไทย และการออกแบบเครื่องแต่งกายด้วยผ้าไทย (Thai Texiles Trend Book Spring/Summer 2022) สำหรับการประกวดแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ผ้าไหม ผ้าฝ้าย และสิ่งทอสร้างสรรค์ โดยผู้ที่ส่งผลงานร่วมประกวดสามารถตีความได้ไม่จำกัด แสดงถึงความคิดสร้างสรรค์ในการถ่ายทอดแรงบันดาลใจ แนวความคิด จนได้ผลงานผ้าไทยที่เปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์ ภายใต้การนำเอามรดกทางภูมิปัญญาในท้องถิ่น อาทิ งานหัตถกรรม งานช่างฝีมือ ฯลฯ ซึ่งเป็นการร่วมมือร่วมใจของผู้คนในชุมชนจนก่อให้เกิดเรื่องราวจากรุ่นสู่รุ่นมาประยุกต์ใช้ ในขณะเดียวกันผู้ส่งผลงานเข้าประกวดยังสามารถเลือกใช้วัสดุธรรมชาติและสีย้อมธรรมชาติจากท้องถิ่นหรือผสมผสานวัสดุเส้นใยนวัตกรรม รวมถึงเทคนิคต่างๆ ซึ่งคณะกรรมการได้กำหนดให้มีการใช้วัสดุและการย้อมสีธรรมชาติ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50
กุ้ง-เปรมฤดี กุลสุ
โครงการนี้ได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิในแวดวงแฟชั่นและผ้าไทยอย่าง จ๋อม-ศิริชัย ทหรานนท์ ดีไซเนอร์มากฝีมือแห่งแบรนด์ THEATRE(เธียเตอร์), อู๋-วิชระวิชญ์ อัครสันติสุข เจ้าของแบรนด์ WISHARAWISH (วิชระวิชญ์) หนึ่งในดีไซเนอร์ไทยที่สร้างชื่อเสียงในเวทีแฟชั่นระดับสากล พร้อมด้วย ปืน-สธน ตันตราภรณ์ ที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์และผู้เชี่ยวชาญด้านแฟชั่น, ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผ้าไทย เจ้าของแบรนด์ Jo’s Bag (โจแบ็ค)และ กุ้ง-เปรมฤดี กุลสุ เจ้าของคอนตอนฟาร์มผู้เชี่ยวชาญเรื่องฝ้ายและการใช้สีในท้องถิ่น มาร่วมให้แนวคิดในการสร้างแรงบันดาลใจและสร้างสรรค์แฟชั่นจากผ้าไทยที่ไม่ว่ายุคไหนก็ไม่มีคำว่าเชย
เริ่มจาก ปืน-สธน ตันตราภรณ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านแฟชั่นคนดัง กล่าวถึงแนวโน้มและทิศทางผ้าไทย ผ่าน 6 เทรนด์จากหนังสือแนวโน้มและทิศทางผ้าไทยและการออกแบบเครื่องแต่งกายด้วยผ้าไทย (Thai Texiles Trend Book Spring/Summer 2022) ว่า เป็นนิมิตหมายที่ดีที่ประเทศไทยกำลังเริ่มมีเทรนด์เป็นของตัวเอง ซึ่งเกิดจากวิธีการคิดของคนไทยเอง จากวิธีการคิดสี การคิดผ้า การใช้ชีวิต กล่อมเกลาจนกลายเป็นเทรนด์ สำหรับปี 2022 โดยเทรนด์แฟชั่นที่เกิดขึ้นในแต่ละฤดูกาลล้วนมีเหตุผลและที่มาเสมอ อย่างช่วงเศรษฐกิจไม่ดี คนจะใช้สีขาวและสีดำ เพราะคนมีเงินน้อยก็มักจะซื้อของที่ใช้แล้วอยู่ได้นาน พอเศรษฐกิจดีขึ้นเสื้อผ้าที่มีสีสันก็จะขายดีมากขึ้นเพราะผู้คนเริ่มสนุกสนาน มันจะผกผันแบบนี้ตลอดเวลาเพราะฉะนั้น 6 เทรนด์หลักประจำฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2022 ประกอบด้วย มหัศจรรย์แห่งคุณค่า (The Wonder of Value Dusit Legacy),ความสง่างามครบมิติ( Holistic Elegance), สังคมสรรค์สร้าง (Social Creation), ความฝันแห่งวันวาน (Nostalgic Dream), ตัวแทนแห่งคลื่นลูกใหม่ (New Wave Ego) และเปลี่ยนเพื่อสิ่งที่ดีกว่า (Change for Redemption) เพราะฉะนั้นวัสดุธรรมชาติที่สำคัญคือภูมิปัญญาชาวบ้าน เพราะสีธรรมชาติกับวัสดุธรรมชาติมีมากขึ้น และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้พยายามผลักดันในอุตสาหกรรมนี้มากขึ้
จ๋อม-ศิริชัย ทหรานนท์
ด้านดีไซเนอร์มากฝีมือ จ๋อม-ศิริชัย ทหรานนท์ กล่าวว่า ผ้าฝ้ายมีเรื่องราวมากมาย ทั้งเรื่องของเนื้อผ้า ลายผ้า และสี ซึ่งขึ้นอยู่กับฤดูกาลหรืออาจจะเป็นช่วงเวลา อย่างเช้า บ่าย เย็น ทุกสีสามารถใช้ได้หมดเพียงแต่เราจะมองในเรื่องผิวพรรณของผู้สวมใส่มากกว่า เช่น คนผิวขาวควรจะใส่สีอะไร ในเวลาไหนเพราะผ้าฝ้ายไทยที่ย้อมมือมีเสน่ห์ มีความหลากหลายมีทุกภูมิภาคในประเทศไทย อีกทั้งผ้าสามารถเพิ่มมูลค่าได้ในเรื่องราวที่กว่าจะมาเป็นผ้าสีต่างๆ มีการผสมอย่างไร คนทำผ้าก็จะมีเรื่องราวตั้งแต่ทำผ้าของตัวเอง ย้อมผ้าของตัวเอง ส่วนคนที่ซื้อไปตัดเย็บต่อก็จะมีเรื่องราวของตัวเองได้อีก เด็กรุ่นใหม่จึงควรสร้างสรรค์ผลงานจากเอกลักษณ์ดั้งเดิมกับภูมิปัญญาเดิมมาเป็นส่วนหนึ่งของการประกวด
ปิดท้ายที่ทัศนะของผู้เชี่ยวชาญเรื่องฝ้าย กุ้ง-เปรมฤดี กุลสุ กล่าวว่า ผ้าพื้นเมืองไม่ว่าจะภาคไหนก็จะมีเสน่ห์ในตัวเองอยู่แล้ว นักออกแบบในพื้นที่อาจจะยังไม่มีเวทีที่จะนำเสนอผลงานของตนเอง การออกแบบสามารถนำมาผสมผสานกันได้ความดั้งเดิมกับความร่วมสมัยจะต้องไปด้วยกันคนรุ่นใหม่มีมุมมองเรื่องหัตถกรรมอย่างไร และสามารถนำมาสร้างสรรค์เป็นผลงานได้อย่างไร ส่วนการย้อมสีธรรมชาติเป็นการย้อมเชิงวิทยาศาสตร์ แต่ละคนอาจใช้เทคนิคเดียวกันแต่ผลที่ได้ออกมาก็จะไม่เหมือนกัน งานในครั้งนี้หวังว่าทั้งคนรุ่นใหม่ คนรุ่นเก่า ผู้ประกอบการ จะมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ อยากสืบสาน ต่อยอด และส่งต่อ ท้ายที่สุดอยากเห็นผลงานดีๆ ของทุกคนที่เข้าร่วมประกวด
ปืน-สธน ตันตราภรณ์
ทั้งนี้ หลังจากการประกวด กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม จะนำผลงานการออกแบบของผู้ได้รับการคัดเลือกมาสนับสนุนเพื่อให้ได้รับการพัฒนาต่อยอด ทั้งการเผยแพร่ให้กว้างขวางการรณรงค์ให้คนไทยใช้ผ้าไทยและรู้จักผลงานดังกล่าว อีกทั้งจะผลักดันนักออกแบบสู่วงการแฟชั่นระดับประเทศต่อไป
นักออกแบบรุ่นใหม่ ผู้ประกอบการ นิสิตนักศึกษา และประชาชนผู้สนใจ สามารถส่งผลงานเข้าประกวดโดยไม่จำกัดจำนวน เพื่อชิงเงินรางวัลรวม 450,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร ได้ที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กลุ่มเผยแพร่และต่อยอดมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ชั้น 3 อาคารบริการการศึกษา ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยสามารถศึกษารายละเอียดการสมัคร หลักเกณฑ์การประกวด การส่งผลงาน ได้ทาง https://me qr.com/data/pdf/149341.pdf หรือwww.culture.go.th และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กลุ่มเผยแพร่และต่อยอดมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม กองมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมโทร.02-2470013 ต่อ 4305 และ 4319-4321 ในวันและเวลาราชการ ส่งผลงานได้ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 7 กรกฎาคม 2564
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี