เป็นเหตุการณ์อุกอาจและช็อกโลก เมื่อประธานาธิบดีโฌเวเนล โมอิส วัย 53 ปี ของเฮติ ถูกกลุ่มมือปืนบุกเข้าไปยิงที่บ้านพักส่วนตัวในกรุงปอร์ โตแปรงซ์ ตอนตีหนึ่งวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ผู้นำเฮติถึงแก่อสัญกรรมจากการถูกยิงร่างพรุน12 นัด ขณะที่นางมาร์ทีน โมอิสสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส และถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลในเมืองไมอามีรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา
ต่อมา มีปฏิบัติการไล่ล่าจับกุมกลุ่มผู้ต้องสงสัย ซึ่งหลายฝ่ายในเฮติเชื่อว่า มือปืนกลุ่มนี้มีอาวุธครบมือ และอาจแสร้งทำตัวเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐฯ หรือ DEA แต่ที่จริงเป็นทหารรับจ้าง หรือนักฆ่าที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี มีการยิงปะทะกันดุเดือด ก่อนจับตายมือปืนได้ 4 คนในช่วงแรก ก่อนจับกุมทีมฆ่าได้เกือบทั้งหมด เป็นทหารรับจ้างต่างชาติทั้งหมด 28 คน ส่วนใหญ่เป็นอดีตทหารชาวโคลอมเบีย 26 คน ส่วนอีก2 คน เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายเฮติ
สาธารณรัฐเฮติ หนึ่งในกลุ่มประเทศแคริบเบียน ซึ่งอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ มีประชากรประมาณ 11 ล้านคน ได้พยายามดิ้นรนให้เกิดเสถียรภาพ นับตั้งแต่การล่มสลายของระบอบเผด็จการดูวาลีเยร์ในปี 1986 รวมถึงต่อสู้กับการทำรัฐประหารและการแทรกแซงจากต่างประเทศหลายครั้ง
นายโมอิสก้าวขึ้นสู่เก้าอี้ประธานาธิบดีเฮติในปี 2017 หลังจากนั้นเขาเผชิญเสียงเรียกร้องให้ลาออกและมีการประท้วงใหญ่หลายครั้ง จากข้อกล่าวหาว่าเขาคอรัปร์ชั่นและบริหารเศรษฐกิจผิดพลาด มีรายงานว่า นายโมอิสวางแผนจะจัดการลงคะแนนประชามติ เพื่อยกเครื่องรัฐธรรมนูญของประเทศ เพื่อให้ทันสมัย แต่กลุ่มฝ่ายค้านเกรงว่า เขาจะแก้กฎหมายให้ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งติดต่อกันได้เกิน 2 สมัยเพื่อให้ลงเลือกตั้งได้อีกครั้ง ในเดือนกันยายนนี้
จนถึงขณะนี้ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าใครจะเป็นผู้สืบทอดอำนาจต่อจากนายโมอิส เพราะตัวเลือกลำดับที่ 1 ซึ่งก็คือประธานรัฐสภา เสียชีวิตเพราะโควิด-19 แล้ว และหากต้องการให้ โคลด โจเซฟ รักษาการนายกรัฐมนตรี ขึ้นมาสืบทอดตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ ก็ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาเสียก่อน แต่ติดปัญหาที่ตอนนี้ เฮติไม่มีสภานิติบัญญัติอย่างไรก็ตาม เฮติยังเหลือสมาชิกวุฒิสภาอีก 1 ใน 3 ที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ซึ่งนายโจเซฟ แลมเบิร์ตผู้นำวุฒิสมาชิก อาจกลายเป็นตัวเลือกลำดับถัดไปก็เป็นได้
การถึงแก่อสัญกรรมของนายโมอิส เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ความรุนแรงในประเทศที่ยังคุกรุ่น โดยเฉพาะในกรุงปอร์โตแปรงซ์ กลุ่มแก๊งคู่อริต่อสู้กันเอง หรือปะทะกับตำรวจเพื่อแย่งชิงความเป็นเจ้าถิ่นตามพื้นที่ต่างๆ ขณะที่การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในเฮติก็เลวร้ายลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาเฮติเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่ยังไม่เริ่มฉีดวัคซีนต้านโควิดให้แก่ประชาชนเลย มีผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 19,000 คน และเสียชีวิตสะสม 462 คน ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้าอย่างหนักต่อเนื่องมาอย่างหนักหลายปีแล้ว มีประชาชนที่อยู่ในเกณฑ์ยากจนอยู่ที่ประมาณ 60%
จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ชาวเฮติจะมีปฏิกิริยาแตกต่างกันไปต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บางคนก็รู้สึกหวาดกลัวต่ออนาคตข้างหน้า บางคนเสียใจที่ผู้นำของพวกเขาถูกลอบสังหารเพียงเพราะพยายามสนับสนุนประเทศ ขณะที่บางคนบอกว่าไม่แปลกใจต่อการลอบสังหารครั้งนี้ และมองว่าเป็นความผิดของนายโมอิสเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี