ศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์ นำทัพ เคอี กรุ๊ป กลุ่มบริษัทชั้นนำของประเทศไทยที่เน้นการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศการพัฒนา และบริหารงานสินทรัพย์ทั้งด้านรีเทล สำนักงาน ฯลฯ รวมถึงการบริหารกองทรัสต์ ALLY (อัลไล) เดินหน้าช่วยเหลือสังคม พร้อมส่งกำลังใจให้คนไทยก้าวผ่านวิกฤติโควิด-19 ไปด้วยกัน โดยผนึกกำลังโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ สาขาบริการโลหิตแห่งชาติ จัดกิจกรรม “BLOOD DONATION ครั้งที่ 10 เพิ่มจำนวนครั้ง เพิ่มโลหิต เพิ่มชีวิต”หวังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแก้วิกฤติขาดแคลนเลือดช่วงโควิด-19
นางศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะ เคอี กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19ส่งผลให้จำนวนผู้บริจาคโลหิตลดลงมาก ทำให้เกิดปัญหาโลหิตขาดแคลนอย่างหนัก โดยข้อมูลจากสภากาชาดไทยระบุว่า ต่อวันมีความต้องการใช้โลหิตประมาณ 6,500-7,000 ยูนิต ขณะที่ปริมาณโลหิตบริจาคทั่วประเทศมีเพียงวันละ 2,000 ยูนิตเท่านั้น ดังนั้น เคอี กรุ๊ป ในฐานะบริษัทพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กลุ่มพรีเมียมรายใหญ่ และผู้บริหารกองทรัสต์ศูนย์การค้าชั้นนำ จึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมบริจาคโลหิต เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุและเจ็บป่วย โดยได้จับมือกับ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดชกรมแพทย์ทหารอากาศ สาขาบริการโลหิตแห่งชาติ จัดกิจกรรม “BLOOD DONATION ครั้งที่ 10 เพิ่มจำนวนครั้ง เพิ่มโลหิต เพิ่มชีวิต”
“กิจกรรม “BLOOD DONATION ครั้งที่ 10 เพิ่มจำนวนครั้ง เพิ่มโลหิต เพิ่มชีวิต” เป็นหนึ่งในแผนการบริหารธุรกิจของเคอี กรุ๊ป ที่ตั้งเป้าไว้ในปี 2564 เกี่ยวกับกิจกรรมการช่วยเหลือสังคม และสำหรับการบริจาคโลหิตในครั้งนี้ถือเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดย เคอี กรุ๊ป ได้เปิดโอกาสให้พนักงาน และประชาชนที่มีสุขภาพดีร่างกายแข็งแรง ได้เป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อน้ำใจ ส่งโลหิตช่วยเหลือให้คนไทย ซึ่งคาดหวังว่ากิจกรรมที่เกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤติของโรคระบาดในครั้งนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแก้ปัญหาโลหิตขาดแคลน และเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นด่านหน้า มีกำลังใจในการฝ่าฟันวิกฤติครั้งนี้ ไปด้วยกัน”
สำหรับกิจกรรมการบริจาคโลหิต นอกจากจะคำนึงถึงการช่วยเหลือสังคมแล้ว เคอี ยังคำนึงถึงความปลอดภัยและสุขภาพของพนักงานที่เป็นเสมือนครอบครัวของเคอี โดยกำชับพนักงานที่มาร่วมบริจาคโลหิตในครั้งนี้ ให้มีการเตรียมความพร้อมของร่างกายทั้งการพักผ่อนอย่างเพียงพอ รับประทานอาหารครบห้าหมู่หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูงและหวานจัดเพื่อที่ไม่ให้เสี่ยงต่อผลข้างเคียงหลังการบริจาคโลหิต รวมทั้งให้ผู้รับบริจาคจะได้รับโลหิตที่สมบูรณ์ พร้อมกันนี้ พื้นที่การบริจาคโลหิตจัดขึ้นภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยมีการรักษาความสะอาดอุปกรณ์ สถานที่และสุขอนามัย รวมถึงบุคลากรที่ปฏิบัติงานเพื่อให้มั่นใจได้ว่า ไม่มีความเสี่ยงในการแพร่เชื้อโควิด-19 แน่นอน
นางศุภานวิต กล่าวเพิ่มเติมว่า “โลหิต เป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญในการรักษาผู้ป่วย ทุกวันนี้ยังไม่มีผู้ที่สามารถคิดค้นสิ่งใดมาใช้ทดแทนโลหิตได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการบริจาคโลหิต เพื่อนำไปช่วยชีวิตผู้ป่วย โดยตนเองก็บริจาคโลหิตมาแล้วหลายครั้ง จนได้รับเข็มที่ระลึกผู้บริจาคโลหิต เพราะมองว่า โลหิต เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนร่างกาย ซึ่งเปรียบเสมือน โลหิตของพนักงานเคอี เป็นหนึ่งจิ๊กซอว์ในการขับเคลื่อนประเทศ ซึ่งเคอี กรุ๊ป ขอเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมรณรงค์ และขอเชิญชวนประชาชนที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงร่วมบริจาคโลหิต เพื่อเพิ่มจำนวนโลหิตสำรองให้มีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของผู้ป่วย และบริษัทหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากิจกรรมดังกล่าว จะช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนโลหิต ช่วยเหลือผู้ประสบภัยและผู้ป่วยที่ต้องการโลหิต สร้างความอิ่มเอมทั้งผู้ให้และผู้รับ เติมเต็มรอยยิ้มให้กับผู้ป่วยที่รอการรักษาให้มีความหวังที่จะดำเนินชีวิตต่อไปในภาวะวิกฤตินี้”
ทั้งนี้ กิจกรรม “BLOOD DONATION ครั้งที่ 10 เพิ่มจำนวนครั้ง เพิ่มโลหิต เพิ่มชีวิตจัดขึ้นในวันอังคารที่ 20 กรกฎาคม 2564 นี้ ตั้งแต่เวลา 10.00-13.30 น. โดยมีเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช มารับบริจาคโลหิตพนักงาน ณ คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ (ซีดีซี) อาคารดี ชั้น 1
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี