สถานการณ์ในอเมริกาเรื่องโควิดตอนนี้เหมือนคลื่นใต้น้ำบรรดามะริกันชนเถิดเทิงเฉลิมฉลองต่างพากันถอดหน้ากากร้องไชโยโห่ฮิ้ว ดีอกดีใจว่าไม่มีการระบาดอีกต่อไปแล้ว แต่หารู้ไม่ว่าหายนะรอบใหม่กำลังคืบคลานเข้ามาหาอย่างเงียบๆ เพราะความประมาทและเชื่อมั่นในคุณภาพ “วัคซีนเทพ” โดยไม่มีการยกการ์ดปกป้องตัวเองและครอบครัวแต่อย่างใดแต่กลับทำตัวเหมือนโลกนี้ไม่มีโควิด แต่บอกเลยว่าคิดผิดนะ ยู
ร้านอาหารทุกร้านเปิดให้นั่งกินกันได้อย่างเสรีพนักงานเสิร์ฟไม่มีการใส่หน้ากากอีกต่อไป แถมโต๊ะแน่นไม่มีการเว้นระยะห่างอะไรอีกต่อไปแล้วมีการจัดขบวนพาเหรดยิ่งใหญ่ในนิวยอร์กบรรดาเนตไอดอลไทยผู้บินไปฉีดวัคซีนเทพในอเมริกาเต้นแร้งเต้นการ่วมขบวนพาเหรดอย่างสนุกสนานแล้วตะคอกใส่ชาวบ้านชาวช่องในไทยว่า
“วุ้ย ดูซี้..ดูซี ดูประเทศมหาอำนาจอเมริกาจัดการโควิดจนอยู่หมัด ตอนนี้เปิดประเทศถอดหน้ากาก เดินขบวนพาเหรดกันคึกคักไม่เหมือนประเทศไทยหรอก”
จากนั้นก็ด้อยค่าแผ่นดินเกิดรัวๆ อย่างน่ามหัศจรรย์ใจว่าตีนแตะอเมริกาได้ไม่ถึงเดือน แต่รอบรู้ทุกเรื่องในอเมริกาที่สุดก็เข้าใจล่ะนะ เป็นธรรมดาที่เวลามาเที่ยว ประเทศนั้นย่อมดีงามทุกอย่างสวยงามจนมองข้ามขยะมูลฝอยและโฮมเลสที่นอนเกาขี้กลากบนถนนไปโดยสิ้นเชิง
ไอ้ประเทศมหาอำนาจอเมริกาที่ใฝ่ฝันอยากมาอยู่เนี่ยป่วยกัน 34 ล้านกว่า ตายไปหกแสนกว่า พอแย้งไปแบบนั้น ก็จะตอกกลับมาว่าไอ้นี่เจอว่าป่วยเยอะ เพราะมีการตรวจเชิงรุก ตรวจโควิดกันหมดเลยจ้าทั้งสามร้อยล้านกว่าคนย่ะ โง้..โง่
เล่นเอาผู้เขียนที่อยู่มา 20 ปีถอนหายใจเฮือก เอาที่ไหนมาพูดล่ะไม่มีหรอก การตรวจเชิงรุกน่ะ หรืออาจจะมีเฉพาะบางเมืองอย่าลืมว่าอเมริกากว้างใหญ่ไพศาลแต่ละเมืองแต่ละรัฐมีระบบการจัดการที่แตกต่างกันออกไปไอ้สามร้อยล้านกว่าคนนี่คือรวมผู้เขียนด้วยนะแต่ไม่เคยได้ตรวจโควิดสักที
เนตไอดอลไทยผู้รอบรู้บอกอีกว่า อเมริกาฉีดวัคซีนกันเกิน 70 เปอร์เซ็นต์แล้วนะ แปลกดีนะผู้เขียนเกาะติดสถานการณ์โควิดในอเมริกาทุกวัน เช็คกราฟผู้ป่วยผู้ตายและยอดการฉีดวัคซีนทุกวัน ยังไม่เห็นตัวเลขไหนบอกเลยว่าฉีดกัน 70 เปอร์เซ็นต์
ล่าสุดเข้าไปเช็คยอดฉีดวัคซีนแบบเรียลไทม์ในรอยเตอร์ พบว่าคนอเมริกันที่ฉีดวัคซีนครบสองเข็ม มี 48.5 เปอร์เซ็นต์ส่วนที่ฉีดเข็มเดียวมี 56.1 เปอร์เซ็นต์ ไหนล่ะ..ไอ้ตัวเลข 70 เปอร์เซ็นต์ที่ว่า บางรัฐยอดฉีดสูง อาจเพราะประชากรน้อยบางรัฐยอดฉีดต่ำมาก
ทีนี้พอประกาศปังว่าคนที่ฉีดวัคซีนครบสองเข็มแล้วไม่ต้องใส่หน้ากากไอ้พวกที่ตีเนียนก็มั่วทันที ด้วยการไม่ใส่หน้ากากเพราะพวกนี้นอกจากต่อต้านการใส่หน้ากากแล้ว ยังต่อต้านวัคซีนอีกด้วย ไม่มีมาตรการตรวจเช็คอะไรทั้งนั้นแถมบางคนยังไปซื้อใบเอกสารที่แสดงการฉีดวัคซีนปลอมอีกงานนี้เลยเหมือนคลื่นใต้น้ำ ที่รอวันระเบิดอีกรอบ
ยอดป่วยยอดตายดูเหมือนจะลดน้อยลงไปเมื่อสองเดือนก่อนพลอยทำให้เกิดความหละหลวมมาตรการต่างๆ ก็หย่อนยานตอนนี้ยอดป่วยพุ่งขึ้นอีกรอบแล้วที่หนักหนาสาหัสที่สุดคือเป็นการระบาดของสายพันธุ์เดลต้าหรือสายพันธุ์อินเดีย ซึ่งแม้แต่วัคซีนเทพที่สายร่านเมืองไทยชื่นชมนักหนาก็เอาไม่อยู่
เมื่ออาทิตย์ก่อนเพิ่งออกข่าวครึกโครม ประชาชนมากกว่า 4,100 ราย อาการหนักถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตจากโควิดในอเมริกาแม้จะฉีดวัคซีนครบแล้วผู้เขียนไม่ได้นั่งมโนเพ้อเจ้อถึงวัคซีนโคตรเทพว่าดีจนหาที่ดิไม่ได้แต่เอาข้อมูลนี้มาจากสำนักข่าวซีเอ็นบีซีของอเมริกาและข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติอเมริกา (ซีดีซี) แต่มั่นใจว่าตัวเลขที่แท้จริงของเคสฉีดวัคซีนแล้วแต่ยังติดเชื้อน่าจะสูงกว่านี้มากเนื่องจากซีดีซีหยุดรายงานเคสลักษณะดังกล่าวมาตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม
วัคซีนเทพที่คนไทยอยากได้นักหนาอย่างไฟเซอร์และโมเดอร์นาพอมาเจอเดลต้านี่แทบไปไม่เป็นเหมือนกันจะว่าไปไอ้ไวรัสวายร้ายนี่มันก็ฉลาดเป็นบ้าหาทางหลบหลีกเอาชีวิตรอดจนได้
บริษํทวัคซีนไม่ว่าจะยี่ห้อไหนต้องพัฒนาวัคซีนตามหลังการกลายพันธุ์ของไวรัสอยู่นั่นเอง ล่าสุดเนตไอดอลไทยที่บินไปอเมริกาเพื่อฉีดโมเดอร์นาที่แอลเอ เปิดเผยผ่านสื่อโซเชียลมีเดียว่า ตนเองฉีดโมเดอร์นาครบสองเข็มแล้วแต่ยังติดโควิดสายพันธุ์เดลต้า กรณีแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะก่อนหน้านี้เคสแบบนี้ เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับคนที่ฉีดไฟเซอร์ครบโดสเหมือนกัน
คนอเมริกันถอดหน้ากากทั่วประเทศอย่างประมาทโดยไม่รู้ว่าสายพันธุ์เดลต้ากำลังระบาดไปทั่วประเทศเพราะยอดตัวเลขคนป่วยพุ่งดีดกลับขึ้นมาอีกในหลายรัฐจนบรรดาหมอทั้งหลายออกให้ข่าวเตือนภัยในเรื่องนี้ว่าวัคซีนทุกยี่ห้อในอเมริกา เมื่อเจอเดลต้าจะประสิทธิภาพด้อยลงทุกยี่ห้อจนไฟเซอร์เริ่มกระแอมกระไอขอให้มีการฉีดโดสสาม แต่หมอแอนโธนี เฟาซี ยังคงยืนยันอเมริกายังไม่มีความจำเป็นต้องใช้วัคซีนเข็มกระตุ้นทั้งที่กำลังเผชิญกับไวรัสเดลต้าที่เห็นเคสใหม่เพิ่มใน 42 รัฐ จาก 50 รัฐ
ค่าเฉลี่ยของผู้ป่วยใหม่เมื่ออาทิตย์ก่อน ประมาณหมื่นเก้าพันกว่าคนแต่บางวันก็สูงขึ้นถึงสองหมื่นกว่าๆ ต่อวันทั้งที่ยอดป่วยเพิ่มแผ่วมาตลอดสองเดือนที่ผ่านมาภาวะการดีดตัวสูงขึ้นของยอดผู้ป่วยใหม่คิดเป็นร้อยละ 47
หลายรัฐที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำ อย่าง ฟลอริดาลุยเซียนา อาร์คันซอ มิสซูรี่ และเนวาดา ยอดป่วยใหม่ดีดพุ่งขึ้นมาอย่างน่าตกใจรพ.บางแห่งในรัฐมิสซูรีเตียงไอซียูเต็ม แถมผู้ป่วยใหม่รอบนี้ไม่ใช่คนสูงวัยเหมือนรอบที่แล้วแต่เป็นคนวัยทำงานอายุ 20-49 ปี แทบทั้งสิ้น นี่เป็นสัญญาณที่แสดงว่าสงครามครั้งนี้ยังไม่จบลงง่ายๆ ในอเมริกา
คนกลุ่มนี้แหละที่ไม่ยอมฉีดวัคซีน เลขที่ออกคือร้อยละ 99 ของคนที่เสียชีวิตคือกลุ่มที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนอย่างที่เขียนมาแล้วข้างต้นว่ายอดฉีดวัคซีนโดยรวมของอเมริกายังไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์จากที่เคยฉีดได้สูงถึงวันละ 4 ล้านโดส กลับแผ่วลงมากจนลดเหลือแค่สองแสนกว่าโดสต่อวันเท่านั้นเอง ดังนั้น นอกจากการฉีดวัคซีนแล้ว การยกการ์ดสูง อย่างที่เราท่องๆ มา แบบ “กินร้อน ช้อนกูอยู่ห่าง ล้างมือ ถือเจล” พวกนี้ยังเป็นเกราะป้องกันได้ดีพอมีวัคซีนมาก็เหมือนเราใส่เสื้อกันกระสุนทับอีกรอบนั่นเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี