ลองจินตนาการดูว่า หากลูกของคุณไม่สามารถเล่นในสนามเด็กเล่นกับเพื่อนได้เหมือนปกติ ไม่ว่าจะเป็นการขี่จักรยาน เล่นกีฬา หรือแม้กระทั่งการทำกิจกรรมทั่วไปของเด็กๆ ที่มีความเสี่ยงต่อการกระทบกระแทก แม้เพียงเล็กน้อย อาจทำให้เกิดภาวะเลือดออกมากจนกังวลว่าอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้คุณจะรู้สึกอย่างไร? หรือบางครั้งเมื่อคนอื่นเห็นรอยจ้ำเลือดและรอยฟกช้ำบนตัวของลูกคุณ คุณอาจถูกเข้าใจผิดว่ารอยช้ำเกิดจากกระทำการรุนแรงกับเด็ก
โรคเกล็ดเลือดต่ำจากภูมิคุ้มกันทำลายเกล็ดเลือด หรือ Immune thrombocytopenia (ITP) คือภาวะที่คนไข้มีเกล็ดเลือดลดลง เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันทำลายเกล็ดเลือด ส่งผลทำให้เลือดไม่สามารถแข็งตัวได้ จึงเกิดอาการเลือดออก มักมีเลือดออกตามผิวหนังหรือ ตามเยื่อบุต่างๆ เช่น เลือดกำเดา หรือเลือดออกตามทางเดินอาหาร บางรายอาจจะพบอาการ วิตกกังวล ซึมเศร้า และส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตถ้าเกล็ดเลือดต่ำเป็นระยะยาวนาน
ศาสตราจารย์ แพทย์หญิงนงนุช สิระชัยนันท์ สาขาโลหิตวิทยาและมะเร็งในเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า โรค ITP ปัจจุบันเชื่อว่าเกิดจากการที่ร่างกายติดเชื้อไวรัส จึงสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อทำลายเชื้อ แต่ส่งผลในการทำลายเกล็ดเลือดของตนเองด้วย สาเหตุอื่นที่พบได้โดยเฉพาะในคนที่เป็นเกล็ดเลือดต่ำแบบเรื้อรัง ได้แก่ โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) การติดเชื้อไวรัสเอดส์ หรือไวรัสตับอักเสบ เป็นต้น โรคนี้พบได้ทุกช่วงอายุ โดยมีอุบัติการณ์ราว 2-6 คนต่อประชากร 100,000 คนต่อปี ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีเกล็ดเลือดต่ำกว่า 50,000 ต่อไมโครลิตร อาการเลือดออกมักสัมพันธ์กับปริมาณเกล็ดเลือดโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเกล็ดเลือดต่ำกว่า 10,000 ต่อไมโครลิตร จะมีโอกาสเลือดออกรุนแรงได้
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยหลายคนเข้าใจว่าโรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว มากกว่าร้อยละ 80 ของผู้ป่วยโรคภาวะเกล็ดเลือดต่ำชนิด ITP ในเด็ก และร้อยละ 60-70 ในผู้ใหญ่ สามารถรักษาให้หายขาดได้ อันเป็นผลมาจากการรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ
ในกรณีที่เกล็ดเลือดต่ำ และมีอาการเลือดออก นอกจากนี้ การดูแลตัวเอง การบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย พักผ่อนให้เพียงพอ การออกกำลังกายอย่างพอดี พบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้การรักษามีประสิทธิภาพดีขึ้น
การปฏิบัติตัวในช่วงที่มีเกล็ดเลือดต่ำ มีดังนี้ 1.การออกกำลังกายอย่างพอดี : ผู้ป่วยที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำควรเลี่ยงการออกกำลังกายที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายอย่างหักโหม และมีความเสี่ยงต่อการกระทบกระเทือนร่างกาย จึงแนะนำให้ออกกำลังกายด้วยการเดิน วิ่งเหยาะๆ หรือว่ายน้ำ เป็นต้น 2.เลือกรับประทานที่มีประโยชน์และปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย : อาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ ที่มีเกลือแร่และวิตามิน และโปรตีนจากเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อปลา เนื้อไก่ ไข่ไก่ เป็นต้น 3.พักผ่อนให้เพียงพอ : วันละประมาณ 8 ชั่วโมง 4.สังเกตความเปลี่ยนแปลง : ได้แก่ อาการเลือดออกที่ผิดปกติ หรืออาการอ่อนเพลียซึ่งอาจเกิดจากการสูญเสียเลือด 5.แจ้งให้แพทย์ทราบ : หากผู้ป่วยจำเป็นต้องเข้าพบทันตแพทย์หรือพบแพทย์ท่านอื่นๆ เพื่อความปลอดภัยควรแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้าว่าตนมีโรคประจำตัวทุกครั้ง
อย่างไรก็ตาม กำลังใจจากครอบครัวและการมีส่วนร่วมของคนในครอบครัวในการดูแลผู้ป่วยเป็นสิ่งสำคัญ ผู้ป่วยไม่ควรท้อแท้หรือหมดกำลังใจ แต่ควรที่จะเรียนรู้ ด้วยการหมั่นศึกษาและดำเนินชีวิตในแนวทางที่เหมาะสม เช่นนี้ผู้ป่วยภาวะเกล็ดเลือดต่ำก็จะสามารถใช้ชีวิตให้มีความสุขและมีคุณภาพได้โดยไม่ยาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี