กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จับมือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย พัฒนาหลักสูตรและชุดเครื่องมือหนุนผู้นำท้องถิ่นทั่วประเทศใช้ป้องกันโรคเอ็นซีดีในพื้นที่ซึ่งเป็นต้นเหตุหลักทำให้คนไทยอายุสั้นและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ 5 โรคสำคัญคือ โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจขาดเลือดโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูงโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ในปี 2562 มีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 8 หมื่นราย กำลังรักษาตัวขณะนี้อีกกว่า 4 ล้านราย ขณะนี้จัดทำร่างหลักสูตรภาคทฤษฎีแล้วเสร็จอยู่ระหว่างทดลองภาคปฏิบัติ คาดสมบูรณ์แบบและประกาศใช้ปลายปีนี้
นายแพทย์ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงการป้องกันแก้ไขปัญหา โรคเอ็นซีดีหรือโรคไม่ติดต่อว่า ขณะนี้โรคเอ็นซีดี (Non Communicable Diseases : NCDs)กำลังเป็นปัญหาคุกคามสุขภาพอันดับ 1ทั่วโลก เสียชีวิตปีละกว่า 40 ล้านคนคิดเป็นร้อยละ 70 ของการเสียชีวิตทั้งหมดโรคนี้ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อเฉียบพลัน แต่เกิดมาจากพฤติกรรมของแต่ละบุคคลเองที่สะสมจนเป็นเหตุให้เจ็บป่วยหรือมีอันตรายต่อชีวิตในระยะยาว โรคจะดำเนินอย่างค่อยเป็นค่อยไปบั่นทอนคุณภาพชีวิตลงเรื่อยๆ และทำให้อายุสั้นลง โรคเอ็นซีดีที่พบมากที่สุดในประเทศไทยมี 5 โรคสำคัญ ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 มีผู้เสียชีวิตจาก 5 โรคนี้รวม 88,088 ราย ได้แก่ โรคหลอดเลือดสมอง จำนวน 34,727 ราย โรคหัวใจขาดเลือด จำนวน 20,556 ราย โรคเบาหวานจำนวน 16,589 ราย โรคความดันโลหิตสูงจำนวน 9,313 ราย โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง จำนวน 6,903 ราย กำลังป่วยอยู่ระหว่างรักษาในขณะนี้อีกกว่า 4.5 ล้านคนทั่วประเทศ พบทั้งเขตเมืองและชนบทไม่แตกต่างกัน สาเหตุการเจ็บป่วยเกี่ยวกับ6 ปัจจัยเสี่ยงหลักคือ การสูบบุหรี่ ดื่มสุราขาดการออกกำลังกาย การรับประทานอาหารไม่เหมาะสม เช่น หวานเกิน เค็มเกินความเครียด และมลพิษสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะมลพิษทางอากาศ
นายแพทย์ปรีชา กล่าวว่า กรมควบคุมโรค ได้เร่งป้องกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยในปีนี้ได้ร่วมมือกับกองสาธารณสุขท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย จัดทำโครงการพัฒนาหลักสูตรการป้องกันควบคุมโรคเอ็นซีดีและชุดเครื่องมือ เพื่อให้ผู้นำท้องถิ่นนำไปใช้แก้ปัญหาในพื้นที่ โดยได้รับการสนับสนุนจากโครงการป้องกันและควบคุมโรคเอ็นซีดีภายใต้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือของประเทศระหว่างรัฐบาลไทยกับองค์การอนามัยโลก(CCS NCDs Program) และระดมสมองจากผู้เชี่ยวชาญและผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดทำหลักสูตร ช่วยให้ผู้นำท้องถิ่นมีศักยภาพ เป็นต้นแบบในการดูแลสุขภาพ เป็นผู้กำหนดนโยบายและบริหารจัดการท้องถิ่น เพื่อการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับบริบทวิถีชีวิตของท้องถิ่นนั้นๆ โดยมีกองโรคไม่ติดต่อเป็นแกนหลักดำเนินการระหว่างเดือน เม.ย.-ธ.ค.2564 ซึ่งขณะนี้ได้จัดทำร่างหลักสูตรภาคทฤษฎีแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างทดลองใช้ในภาคปฏิบัติ โดยจัดอบรมในระบบออนไลน์อย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะสมบูรณ์แบบและใช้ในช่วงปลายปีนี้
ด้าน นายแพทย์กฤษฎาหาญบรรเจิด ผู้อำนวยการกองโรคไม่ติดต่อกล่าวว่า ร่างหลักสูตรฯนี้ ประกอบด้วย 10 กลุ่มวิชา ได้แก่ 1.ทิศทางการป้องกันควบคุมโรคเอ็นซีดีของประเทศไทย และความสำคัญของท้องถิ่นกับการจัดการโรคฯ2.โรคเอ็นซีดีและหลักการป้องกันควบคุม 3.ระบาดวิทยาและชุดข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์สถานการณ์ป้องกันโรคเอ็นซีดีในชุมชน 4.การประเมินสถานการณ์ปัจจัยเสี่ยงและปัจจัยกำหนดของสุขภาพในชุมชน 5.การสร้างเสริมสุขภาพและลดความเสี่ยงในการป้องกันควบคุมโรคฯในชุมชน ด้วยหลักการ 3อ.2ส. คืออาหาร ออกกำลังกาย อารมณ์ ไม่เสพสิ่งเสพติด และไม่ดื่มสุรา รวมถึงการป้องกันฝุ่นและสารเคมี การให้ความรู้ในชุมชน เทคนิคการสื่อสาร และการจัดทำข้อตกลงในชุมชน 6.การจัดการสิ่งแวดล้อมเพื่อป้องกันควบคุมโรคเอ็นซีดี 7.การจัดทำแผน ออกแบบโครงการ/กิจกรรมป้องกันควบคุมโรคฯในชุมชน 8.การติดตามโครงการ/กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพป้องกันควบคุมโรคฯสำหรับประชาชนในพื้นที่ 9.กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันควบคุมโรคฯ และ 10.การใช้และพัฒนาสื่อเทคโนโลยีดิจิทัลในชุมชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี