ภาพตึกแฝด เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์สัญลักษณ์แห่งความเจริญรุ่งเรืองใจกลางมหานครนิวยอร์กของสหรัฐฯ ที่มีควันพวยพุ่งออกมา ก่อนที่จะค่อยๆ พังถล่มลง กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของการ “ก่อการร้าย” ยุคใหม่ .. 9/11
ผ่านมา 20 ปี ภาพนั้น ยังคงฝังอยู่ในความทรงจำของใครหลายคน โดยเฉพาะผู้สูญเสียในเหตุการณ์ นำมาสู่การที่ตำรวจโลกอย่างสหรัฐอเมริกาไล่ล่าองค์กรก่อการร้ายทั่วโลก
นับตั้งแต่ที่อดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ประกาศว่าจะทำ “สงครามกับกลุ่มก่อการร้าย” เพื่อตอบโต้กับเหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน ปี 2001 ทั้งในนิวยอร์กและตึกเพนตากอนในวอชิงตัน ภารกิจการไล่ล่ากลุ่มก่อการร้ายเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกตลอด 20 ปีที่ผ่านมา
“สงครามต่อการก่อการร้ายของเราเริ่มต้นกับกลุ่ม อัลกออิดะห์ แต่มันจะยังไม่สิ้นสุดตรงนี้ มันจะยังไม่สิ้นสุดจนกว่ากลุ่มก่อการร้ายทุกกลุ่มบนโลกจะถูกค้นพบ หยุด และพ่ายแพ้ลง”บุช กล่าวไว้เมื่อ 20 กันยายน 2001 แต่ผ่านมา 20 ปี หลังจากที่สหรัฐฯ เข้าร่วมสงครามทั้งในอิรัก และอัฟกานิสถาน ที่คร่าชีวิตพลเรือนหลายหมื่นคน และใช้งบประมาณมหาศาลหลายล้านล้านดอลลาร์ ภัยก่อการร้ายต่อสหรัฐฯก็ยังคงมีอยู่ แม้ว่าจะแตกต่างจากภัยเมื่อปี 2001 ก็ตาม
กลุ่มอัลกออิดะห์ ที่อ้างตัวว่าประสบความสำเร็จในการก่อวินาศกรรมบนแผ่นดินสหรัฐฯ ในเหตุการณ์ 9/11 อาจลดทอนอำนาจลง หรืออ่อนแอลง แต่กลับเกิดกลุ่มติดอาวุธ ที่มีแนวทางคล้ายคลึงกันแพร่หลายไปในทุกที่ทั่วโลก โดยเฉพาะในแอฟริกา ตะวันออกกลาง และเอเชีย
แม้ว่าเหล่าแกนนำกลุ่มอัลกออิดะห์ที่พัวพันเหตุกาณ์ 9/11 จะถูกสหรัฐฯ จับกุมหรือสังหารไปแล้ว รวมถึง โอซามาบิน ลาเดน ซึ่งถูกหน่วยซีลสหรัฐฯ สังหารในประเทศปากีสถาน เมื่อปี 2011 แต่กลุ่มอัลกออิดะห์ของเขา ก็ยังคงยืดหยุ่น และมีกลุ่มเครือข่ายในอย่างน้อย 17 ประเทศ ในจำนวนนี้รวมถึงกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ IS ที่เป็นการรวมตัวของกลุ่มนักรบหลายเครือข่าย เกิดขึ้นตั้งแต่สงครามอิรักเมื่อปี 2003 เดิมเป็นเครือข่ายน้องของกลุ่มอัลกออิดะห์ในประเทศอิรัก แต่ต่อมาแยกตัวตั้งกลุ่มใหม่และค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น และมีบทบาทมากกว่ากลุ่มอัลกออิดะห์เดิม
บรูซ ฮอฟแมน นักวิชาการอาวุโส ด้านต่อต้านการก่อการร้ายและความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ แห่งสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ระบุว่า ตลอด 20 ปีมานี้ เรายังคงเห็นเหตุก่อการร้ายซ้ำแล้วซ้ำอีกสหรัฐฯ และสถานการณ์ที่เอื้ออำนวย ยังทำให้พวกเขาอพยพ เข้าไปก่อเหตุยังภูมิภาคอื่นๆ ของโลกได้ด้วย การขยายพื้นที่ก่อเหตุของกลุ่มก่อการร้าย ทำให้นักรบเหล่านี้รับรู้ได้ถึงความท้าทายที่มากขึ้น การติดตาม และควบคุมมากขึ้น ทำให้พวกเขาไม่สามารถก่อเหตุโจมตีขนานใหญ่เหมือนเหตุการณ์9/11 ได้ แต่ก็ยังคงท้าทายเป้าหมายของบุช ที่ต้องการขจัด “กลุ่มก่อการร้าย”ให้สิ้นซาก
โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนล่าสุดที่เดินหน้าถอนทหารออกมาจากอัฟกานิสถาน หลังผ่านพ้นช่วงการไล่ล่ากลุ่มก่อการร้ายมานาน 20 ปี บอกว่าสิ่งที่เราต้องการในอัฟกานิสถานในเวลานี้คือ กลุ่มอัลกออิดะห์ จบสิ้นแล้วหรือ? เราเข้าไปในอัฟกานิสถานเพื่อแสดงความมุ่งมั่น ที่จะกำจัดอัลกออิดะห์ในอัฟกานิสถาน รวมถึงการกำกัด โอซามา บิน ลาเดน และเราทำได้แล้ว...เราไปที่นั่นและเราปฏิบัติภารกิจสำเร็จ คุณก็ทราบจุดยืนของผมที่มีมาเนิ่นนาน มันถึงเวลาที่จะต้องยุติสงครามนี้แล้ว
การถอนกองกำลังสหรัฐฯ และพันธมิตรออกจากอัฟกานิสถานเมื่อไม่นานมานี้ ที่แม้ไบเดน ย้ำว่าสงครามในอัฟกานิสถานสิ้นสุดลงแล้ว แต่เป็นเพียงการสิ้นสุดของสหรัฐฯ ฝ่ายเดียวเท่านั้น เพราะนี่อาจยิ่งเป็นชนวนให้เครือข่ายก่อการร้ายเติบโตยิ่งขึ้น!ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การที่กลุ่มตาลิบันเข้ายึดอำนาจในอัฟกานิสถาน จะยิ่งทำให้กลุ่มต่อต้านสหรัฐฯจัดระเบียบองค์กรใหม่ และอาจแพร่ขยายได้มากขึ้น หลังจากที่พวกเขาอัดอั้นมานาน 20 ปีที่ผ่านมา และการมีอยู่ของรัฐบาลตาลิบัน ทำให้มีโอกาสสูงที่อัฟกานิสถานจะกลายเป็นที่ซุกซ่อนของกลุ่มก่อการร้ายอีกครั้ง และอาจจะได้เห็นการฟื้นตัว และการกลับมาของกลุ่มนักรบญิฮัด
ไม่เพียงกลุ่มก่อการร้ายภายนอก หากแต่สหรัฐฯเองยังต้องเผชิญกับภัยคุกคามภายในด้วยเช่นกัน หลังจากที่หลายปีมานี้ กลุ่ม “ขวาจัดสุดโต่ง” เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ในสมัยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่ง และยังจัดเป็นภัยคุกคามอยู่ในปัจจุบันอีกด้วย
ผ่านมา 20 ปี ไม่เพียงกลุ่มก่อการร้ายไม่หมดไป แต่จะยังคงเกิดกลุ่มใหม่ ขึ้นเป็นภัยคุกคามของโลกอย่างต่อเนื่อง และจนถึงวันนี้ สหรัฐฯก็ยังไม่ประสบความสำเร็จในการกำจัดกลุ่มก่อการร้าย อย่างที่อดีตประธานาธิบดีบุชเคยลั่นถ้อยคำเอาไว้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี