กรมทรัพย์สินทางปัญญา เสริมความแกร่งสินค้า GI ไทย เชิญนักออกแบบมืออาชีพช่วยออกแบบบรรจุภัณฑ์ จำนวน 10 สินค้า มั่นใจช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม พร้อมก้าวสู่สินค้าพรีเมียม
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาเปิดเผยว่า กรมได้เดินหน้ายกระดับสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์(GI) โดยได้ดำเนินโครงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์สินค้า GI ไทย เพื่อพัฒนาปรับปรุงรูปลักษณ์ของบรรจุภัณฑ์ให้โดดเด่นทันสมัย สวยงาม เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางการตลาดให้สินค้า GI โดยได้เชิญนักออกแบบมืออาชีพมีประสบการณ์และผลงานด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ระดับแนวหน้าของประเทศ ร่วมกันสร้างสรรค์ ต่อยอด พัฒนาสินค้าชุมชนผ่านการบรรจุภัณฑ์อันทรงคุณค่าให้แก่สินค้า GI ไทย และได้คัดเลือกผู้ผลิต ผู้ประกอบการสินค้า GI จำนวน 10 รายการ เพื่อเข้าสู่การพลิกโฉมยกระดับบรรจุภัณฑ์
สำหรับสินค้า GI ที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ ได้แก่ 1.กล้วยเล็บมือนางชุมพร (Chumphon Lady finger Banana) 2.กาแฟเมืองกระบี่ (Muang Krabi Coffee) 3.ข้าวหอมมะลิอุบลราชธานี (Ubon Ratchathani Hom Mali Rice) 4.ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ (Sisaket Volcanic Area Durian) 5. นิลเมืองกาญจน์ (Muang Kan Black Spinel) 6.ปลาแรดลุ่มน้ำสะแกกรังอุทัยธานี (Uthai Thani Sakae Krang River Basin Gourami Fish) 7.แปจ่อเขียวแม่สอด (Pae Jor Khaew Maesod Bean) 8.ผ้าหม้อห้อมแพร่ (Mor Hom Phrae Fabric) 9.ส้มโอทองดีบ้านแท่น (Thong Dee Ban Thaen Pomelo) และ 10. ส้มโอ หอมควนลัง (Khuan Lang Aromatic Pomelo)
ทั้งนี้ กรมได้เชิญนักออกแบบและผู้ประกอบการสินค้า GI มาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับข้อมูลสินค้าและสอบถามความต้องการของผู้ประกอบการ เป็นการประชุม 3 ฝ่าย เพื่อหาแนวทางในการออกแบบให้บรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบมาช่วยเพิ่มมูลค่าให้สินค้า และผู้ประกอบการสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริงแล้ว และหลังจากการประชุม 3 ฝ่าย นักออกแบบได้นำข้อมูลจากการประชุมร่วมกัน ไปออกแบบบรรจุภัณฑ์และตราสินค้าให้ผู้ประกอบการ 3 แบบ เพื่อเลือกนำไปใช้จริง 1 แบบ เมื่อผู้ประกอบการเลือกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ชอบ และที่ใช่แล้ว นักออกแบบก็จะนำแบบที่ผู้ประกอบการเลือกใช้ปรับแบบให้ตรงตามระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาใส่ข้อมูลให้ครบถ้วน สำหรับการผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์เพื่อใช้งานจริง โดยกรมได้ผลิตบรรจุภัณฑ์ให้ผู้ประกอบการได้นำไปใช้งานจริงมีมูลค่ารายละ 30,000 บาทอีกด้วย
“มั่นใจว่าโครงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย จะช่วยพัฒนา ต่อยอด และยกระดับสินค้า GI ไทย ให้เกิดภาพลักษณ์ที่โดดเด่น สามารถถ่ายทอดอัตลักษณ์ของสินค้า GI ไทยหลอมรวมกับบรรจุภัณฑ์ให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวอันทรงคุณค่าของท้องถิ่นได้อย่างงดงาม ส่งผลในการสร้างความแข็งแกร่ง และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า GI ไทย เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ผลิตและผู้ประกอบการสามารถขายสินค้าได้ในราคาที่สูงขึ้น และช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ผลิตสินค้าชุมชน และยกระดับเป็นสินค้าพรีเมียมได้ตามเป้าหมาย”นายวุฒิไกร กล่าว
ทั้งนี้ สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indication : GI) คือ ชื่อ หรือสัญลักษณ์ที่ใช้เรียกสินค้าที่มาจากแหล่งผลิตที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งคุณภาพหรือชื่อเสียงของสินค้านั้นๆ เป็นผลมาจากการผลิตในพื้นที่ดังกล่าว GI จึงเปรียบเสมือนเป็นแบรนด์ของท้องถิ่นที่บ่งบอกถึงคุณภาพและแหล่งที่มาของสินค้า ปัจจุบันสินค้า GI ไทย นับเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ทั้งในเรื่องของการส่งเสริมให้มีการการขึ้นทะเบียน GI และการเร่งผลักดันการพัฒนาสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ในทุกมิติ โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เป็นกำลังสำคัญในการสานต่อนโยบายรัฐบาล และเป็นหน่วยงานที่เร่งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศในการบริโภคสินค้า GI ทั้งการสร้างมาตรฐานสินค้า GI เพื่อช่วยรับประกันสินค้า GI ไทยว่าเป็นสินค้าท้องถิ่นที่มีคุณภาพ มาตรฐาน พิเศษกว่าสินค้าจากแหล่งอื่น สามารถจำหน่ายได้ในราคาที่สูงขึ้น และยังทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นว่าจะได้รับสินค้าที่มีคุณภาพและมาจากแหล่งผลิตที่แท้จริง รวมถึงการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสินค้า GI ไทย เพื่อสร้างการเติบโตให้กับเศรษฐกิจในระดับฐานราก และสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจของประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี