ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แถลงข่าวก้าวสู่ปีที่ 3 ชูแนวทาง “เติม ต่อยอด ยั่งยืน” พร้อมเร่งเดินหน้าและต่อยอด 7 นโยบายสำคัญเร่งด่วน (Quick Win 7+) โดยมี ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความยินดีและชื่นชมการทำงานของ ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช พร้อมให้นโยบายเดินหน้ามุ่งสู่การปฏิรูปการศึกษาวิถีใหม่
ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงศึกษาธิการ ได้ติดตามการทำงานของ ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มาโดยตลอด ได้เห็นถึงความตั้งใจและความมุ่งมั่นของคุณหญิงที่จะขับเคลื่อนนโยบายด้านการศึกษาต่างๆ ให้สำเร็จลุล่วง จนมีผลงานปรากฏเด่นชัดอย่างเป็นรูปธรรม ต้องขอชื่นชม โดยเฉพาะนโยบาย Coding ที่สามารถขับเคลื่อนได้อย่างรวดเร็วซึ่งเรื่องนี้ท่านนายกรัฐมนตรีก็ได้ให้ความสำคัญและสนับสนุนนโยบายนี้เพราะเล็งเห็นว่าการเรียน Coding มีความสำคัญต่อเยาวชนเป็นอย่างมาก
รวมไปถึงการพลิกโฉมอาชีวะเกษตร ด้วยโครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชน ตามแนวพระราชดำริซึ่งขับเคลื่อนผ่านวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี (วษท.) จนเกิดหลักสูตรนักบริหารจัดการน้ำฯ หรือ “ชลกร” รุ่นที่ 1 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกและหลักสูตรแรกในประเทศไทยที่เปิดสอนเรื่องการบริหารจัดการน้ำตั้งแต่ระดับ ปวส. จนทำให้มีจำนวนนักศึกษาสมัครเข้าเรียนอาชีวะเกษตรและเทคโนโลยีเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัวอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ไม่นับรวมนโยบายและโครงการอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปการศึกษาอีกมากมายที่เกิดขึ้น อาทิ นโยบายการศึกษาพิเศษ, นโยบายการอ่าน เขียน เรียนประวัติศาสตร์ผ่านการสื่อสารร่วมสมัย, โครงการวิทยาศาสตร์พลัง 10, การขับเคลื่อนโรงเรียนวิทยาศาสตร์ในกำกับ, รวมไปถึงโครงการ Project 14 ทำให้มั่นใจว่านักเรียนจะได้รับความรู้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพแม้จะเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ก็ตาม
“ต้องขอแสดงความยินดีและชื่นชมการทำงานของคุณหญิงกัลยาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสามารถขับเคลื่อนนโยบายสำคัญๆ ได้เป็นผลสำเร็จ และเชื่อมั่นว่าการ “ก้าวสู่ปีที่ 3 ของครูกัลยา” ภายใต้แนวทาง “เติม ต่อยอด ยั่งยืน” จะสามารถเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายที่เป็นประโยชน์ เพื่อเป้าหมายสูงสุดในการปฏิรูปการศึกษาไทยได้อย่างแน่นอน ขอให้กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันพัฒนารูปแบบการศึกษา เพื่อให้เข้ากับการศึกษาวิถีใหม่” ดร.วิษณุ กล่าว
ด้าน ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า การขับเคลื่อนนโยบายในปีที่ผ่านมา นับว่ามีความสำเร็จและมีความคืบหน้าเป็นอย่างมากแม้จะเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็ตาม ดังนั้น การบริหารราชการในกระทรวงศึกษาฯภายใต้การกำกับดูแลของตนเองในปีที่ 3 นับจากนี้ จะยังมุ่งขับเคลื่อนนโยบายและเร่งเดินหน้ารวมถึงต่อยอดใน 7 โครงการสำคัญ (Quick Win 7+) ต่อเนื่อง เพื่อสร้างนักเรียนคุณภาพ ซึ่งประกอบไปด้วย 1.โครงการ Coding For All คนไทยต้องได้เรียน Coding กระทรวงศึกษาธิการจะสร้าง Coding Community ขยายผล ขับเคลื่อน ทุกภาคส่วน เพื่อกระจายการเรียนรู้ให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ทุกอาชีพ และทุกช่วงวัย 2.โครงการส่งเสริมการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชน ตามแนวพระราชดำริ ขยายผลสู่ชุมชน สร้างความมั่นคงทางการเกษตร โดยปัจจุบันได้เปิดสอนหลักสูตร“ชลกร” รุ่นที่ 1 แล้ว เพื่อปั้นนักบริหารจัดการน้ำในชุมชน โดยมีเป้าหมายที่สำคัญคือ การช่วยเหลือเกษตรกร ให้มีน้ำกิน น้ำใช้แก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน โดยเชื่อว่าอาชีวะเกษตรจะสร้างชาติ ด้วยชลกรที่จะเข้ามาเปลี่ยนประเทศไทย
3.โครงการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์แนวสร้างสรรค์ ผ่านสื่อร่วมสมัย เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทยการอ่าน การเขียน เรียนประวัติศาสตร์ ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยจะเพิ่มปฏิสัมพันธ์เชิงวิพากษ์ ขยายผลการใช้สื่อสู่ห้องเรียนในรูปแบบหลากหลายช่องทาง ทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ เช่น การขยายบน Facebook, Youtube, Page Website, OBEC Center เป็นต้น 4.โครงการสร้างมิติใหม่การศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ ผสานศาสตร์และศิลป์ เปลี่ยน STEM เป็น STEAM วิทยาศาสตร์พลังสิบ ลด ความเหลื่อมล้ำ สร้าง Citizen science ให้เกิดขึ้น เป็นการขยายโอกาสให้นักเรียนได้เรียนวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างกว้างขวาง โดยจะเน้นการจัดการเรียนการสอนที่เน้นการปฏิบัติ ประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวัน
5.โครงการการศึกษาที่เท่าเทียม สร้างโอกาสให้เด็กด้อยโอกาสและพิการ พัฒนาทักษะชีวิตผ่านการเรียนรู้ การศึกษาไทยจะต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จะจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับเด็กพิการและเด็กด้อยโอกาส ผ่านการเรียนการสอนในรูปแบบที่หลากหลายและมีคุณภาพ เน้นการปฏิบัติจริงในชีวิตประจำวันและภูมิปัญญาเฉพาะถิ่นในสังคมชุมชนนั้นๆ จนสามารถนำไปประกอบอาชีพเพื่อดำเนินชีวิตในปัจจุบันและอนาคตได้ ซึ่งทั้งหมดนี้จะอยู่บนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม เกษตรกรรม (STIA)
6.โครงการอาชีวะฐานวิทย์ สร้างวิชาชีพคนไทยรุ่นใหม่ ป้อนคนสู่ภาคอุตสาหกรรม ตอบรับโลกดิจิทัล เป็นการพลิกโฉมการเรียนอาชีวศึกษาแนวใหม่ด้วยเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ สร้างเด็กสายอาชีพให้กลายเป็นนวัตกร ยกระดับการเรียนในสายอาชีวศึกษาให้สอดคล้องกับโลกดิจิทัล และ 7.โครงการยกระดับการศึกษารอบด้าน เปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอน ปรับการประเมินผล เพื่อให้เป็นไปตามรูปแบบที่เหมาะในศตวรรษที่ 21 และสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งได้มีการปฏิรูปทั้งตัวผู้สอนคือครู และรูปแบบการเรียนการสอน
“ขอขอบคุณท่านรองนายกรัฐมนตรี ที่กรุณาส่งกำลังใจมาให้และสนับสนุนการทำงานมาโดยตลอด เพื่อวางรากฐานทางการศึกษาไทย การก้าวสู่ปีที่ 3 ในการทำงาน ยังมีความท้าทายรออยู่อีกมากมาย เราทุกคนต้องช่วยกัน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือ เพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของชาติในทุกๆ มิติ ดิฉันจะทำสิ่งที่ทำอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นไปอย่างต่อเนื่องและเห็นเป็นรูปธรรมเป็นการเติม ต่อยอด และยั่งยืน” ดร.คุณหญิงกัลยา กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีคณะที่ปรึกษาและผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงร่วมแสดงความยินดี อาทิ นายภูมิสรรค์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และนโยบาย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช) กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลาที่คุณหญิงกัลยาเข้ามาดูแล และวางรากฐานการศึกษาไทย เป็นการปฏิรูปโดยตรงถึงตัวเด็ก อีกหนึ่งนโยบายที่ไม่อาจลืมได้ คือ นโยบายเรื่องเด็กพิการและเด็กด้อยโอกาสที่คุณหญิงใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามายกระดับคุณภาพชีวิต ลดความเหลื่อมล้ำนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน”
ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า “ครูกัลยา คือคุณหญิงโค้ดดิ้งตัวจริง เพราะท่าน ผลักดันให้เกิดโค้ดดิ้งในประเทศไทยตั้งแต่เด็กเล็กๆ โลกวันนี้ในยุค Disruption ที่ยุคต่อจากนี้ไปเรียกว่ายุค Sensorization of Things ทุกสิ่งทุกอย่างต้องวัดผลได้ เพราะคอมพิวเตอร์ควบคุมทุกอย่าง และคนควบคุมคอมพิวเตอร์ได้ด้วยการเขียน Coding การผลักดันให้เกิดโค้ดดิ้งในประเทศไทย ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เชื่อว่า ครูกัลยาสามารถทำได้”
ดร.ศุภชัย ศรีหล้า ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและประธานคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์อาชีวะเกษตรและประมง กล่าวว่า “สองปีที่คุณหญิงกัลยา เข้ามาปูพื้นฐานเกษตรกรไทยให้ก้าวไปอีกขั้น โดยใช้ STI คือ Science Technology และ Innovation มาผนวกกับ Coding for Farm เพื่อนำมาปรับใช้กับภาคเกษตร ที่สำคัญท่านยังวางพื้นฐานภายใต้แนวทาง “เติม ต่อยอด ยั่งยืน” ทำให้หน่วยงานที่ท่านกำกับเป็นวิทยาลัยอาชีวะฐานวิทย์ นำวิทยาศาสตร์มาสร้างคนเพื่อการทำงานในอนาคต”
นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย โฆษกรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช) กล่าวว่า “หลายคนคิดว่าดิฉันโชคดีที่ได้ทำงานร่วมกับ คุณหญิงกัลยาแต่สิ่งที่โชคดีกว่า คือสังคมไทยที่ได้ผู้มีคุณูประการมาทำหน้าที่รัฐมนตรีกำกับนโยบายขับเคลื่อนงานด้านการศึกษาด้วยความตั้งใจที่อยากให้เยาวชนไทยมีโอกาสพัฒนาศักยภาพให้ก้าวไกลท่านทำงานสุดตัวด้วยความตั้งใจอย่างแรงกล้า คำนึงถึงประโยชน์ของสังคมเป็นที่ตั้ง นี่คือความโชคดีของสังคมไทย”
ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กล่าวว่า “การทำงานของ สสวท. ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ถือเป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็ว แต่สสวท. ภายใต้การกำกับของคุณหญิงกัลยา ท่านรวดเร็วกว่า มีการปรับแผนงานอย่างเร่งด่วนให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลง จัดอบรมคุณภาพครูให้ความสำคัญกับเรื่อง Coding ขับเคลื่อนวิทยาศาสตร์พลังสิบ ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ในหลายมิติเพื่อปูรากฐานพัฒนาศักยภาพเด็กไทยและความก้าวไกลของประเทศ”
ดร.กวินทร์เกียรติ นนธ์พละ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า “กว่า 2 ปี ที่คุณหญิงกัลยาผลักดันนโยบายเรื่อง Coding ภายใต้แนวทาง Coding for All ที่ต้องเริ่มปลูกฝังตั้งแต่ปฐมวัยโดยใช้ Unplugged Coding ผ่านเกมหรือกิจกรรมต่างๆ เพื่อปูพื้นฐานความคิดเชิงคำนวณควบคู่ความสนุกและกระตุ้นความจำ สร้างกระบวนคิดเชิงรูปธรรม สิ่งที่ท่านทำถือเป็นการสร้างพลเมืองให้มีศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนำไปสู่การปรับใช้ในชีวิตจริง”
นายคมสัน โพธิ์คง คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช) และอนุกรรมการการศึกษาเฉพาะกิจฯ กล่าวว่า “คุณหญิงกัลยามีส่วนสำคัญอย่างมากในการผลักดันงานของสภาการศึกษา คือ การปรับแผนปฏิรูปการศึกษาครั้งใหญ่ ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ที่ต้องมีการปรับเปลี่ยน โดยใช้นโยบายทันสมัย ทีมงานที่มีความสามารถ ปรับหลักเกณฑ์ใหม่ สร้างความเป็นธรรม
นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ช่วยลดเวลาและงบประมาณ สร้าง Best Practice สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาในฐานะที่เป็นองค์การมหาชน”
นางภัทริยาวรรณ พันธุ์น้อย ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารการศึกษาพิเศษ กล่าวว่า “ครูกัลยา “ครูผู้มีแต่ให้” ให้นโยบายต่างๆ เป็นผู้นำทาง สร้างโอกาสทั้งการพัฒนาคุณภาพชีวิต วิชาการ และด้านความปลอดภัย จากพื้นฐานดีๆ นี้ จะทำให้การก้าวสู่ปีที่ 3 “ครูกัลยา” เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นั่นคือการทำ “C2” แรกคือ Coding ในเด็กพิการและเด็กด้อยโอกาส C ที่สอง คือ Coaching ครูเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจนำทางเด็กสู่ความสำเร็จบนพื้นฐานของความเป็นไทย”
นายชยพงศ์ สายฟ้า คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า “คุณหญิงกัลยา ริเริ่มนโยบายการอ่าน เขียน เรียนประวัติศาสตร์ผ่านการสื่อสารร่วมสมัย ยกระดับการเรียนการสอนโดยนำเอาเทคโนโลยี นวัตกรรมที่ทันสมัยมาปรับใช้กับวิถีการเรียนรู้ของเด็กยุคปัจจุบัน ให้รู้รากเหง้า เข้าใจง่ายปรับใช้ได้ ต่อไปวิชาประวัติศาสตร์จะเป็นวิชาที่มีความสนุก น่าสนใจ ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป”
ดร.บริพัตร ศิริอรุณรัตน์ ประธานมูลนิธิโลกสีเขียว กล่าวว่า “คุณหญิงกัลยา ได้นำหลักความยั่งยืน ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 และหลักวิทยาศาสตร์ มาหลอมรวมกันได้อย่างดีมากและขับเคลื่อนในทุกมิติทำให้เยาวชนคนไทยใช้หลักวิทยาศาสตร์มาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตและท่านเหมาะกับคำเรียกขานว่า “ครูกัลยา” อย่างเเท้จริง”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี