Buda Castle
Budapest เมืองหลวงและเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของฮังการีประเทศยุโรปตะวันออกติดกับออสเตรียนี้เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และเป็นเป้าหมายของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรมและจิตรกรรมดั้งเดิมนั้นเมืองนี้เป็นที่ตั้งของชาว Celtic ก่อนที่จะถูกโรมครอบครอง ชาวฮังกาเรียนเดินทางมาถึงดินแดนแห่งนี้ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 9 แต่กลับถูกรุกรานโดยชาวมองโกลในปี 1241 ดินแดนนี้จึงนับถือศาสนาพุทธ พวกเขาสามารถกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้งและได้กลายเป็นศูนย์กลางของศิลปะแบบ Renaissance ในคริสต์ศตวรรษที่ 15หลังพ่ายแพ้ในสงคราม Mohacs เมืองนี้ก็ถูกครอบครองโดยออตโตมานกว่า 150 ปี เมื่อศาสนาพุทธกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งในปี 1686 เมืองนี้ก็รุ่งโรจน์อีกครั้งและกลายเป็นศูนย์กลางของการค้าหลังการควบรวมเป็น Pest-Buda และได้ชื่อว่า Budapest
ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 นั้นเป็นช่วงเวลาแห่งความยากลำบากของชาวฮังการีอันเป็นผลมาจากการที่พวกเขาพยายามที่จะประกาศอิสรภาพจากราชวงศ์ Habsburgs แห่งออสเตรีย และพยายามที่จะพัฒนาตัวเองให้มีความทันสมัย แม้พวกเขาจะประกาศอิสรภาพจากราชวงศ์ Habsburgs ได้ชั่วคราว แต่พวกเขา
กลับจำเป็นต้องกลับมาสวามิภักดิ์ภายหลังจนเป็นต้นกำเนิดของจักรวรรดิ Austria-Hungaryส่งผลให้บูดาเปสต์กลายเป็นเมืองหลวงคู่แฝดของราชวงศ์ Habsburgs และความเจริญของเมืองนี้ขึ้นถึงขีดสุด
Budapest's Shoes
ในปี 1849 รัฐบาลได้สร้างสะพานโซ่ขึ้นเพื่อเชื่อมระหว่างฝั่งเปสต์และบูดา ส่งผลให้สะพานนี้เป็นสะพานถาวรแห่งแรกที่ใช้ข้ามแม่น้ำดานูบ ในปี 1873 เมืองเปสต์และบูดาได้ควบรวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างเป็นทางการ การที่บูดาเปสต์ถูกครอบครองโดยราชวงศ์ Habsburgs ทำให้มีชาวเยอรมันและชาวออสเตรียเป็นจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาในเมือง แม้เมื่อพวกเขาเป็นไทจากราชวงศ์ Habsburgs แล้ว กว่าชาวฮังกาเรียนจะมีจำนวนมากกว่าชาวเยอรมันก็ปาเข้าไปถึงปี 1910 นอกจากกลุ่มคนที่พูดภาษาเยอรมันแล้ว บูดาเปสต์ยังถูกครอบครองโดยชาวยิวเป็นจำนวนมากและเมืองนี้กลายเป็นชุมชนใหญ่ของชาวยิวตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมาจนมีอีกชื่อว่า Judapest หรือ Jewish Mecca หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง จักรวรรดิ Austria-Hungary สิ้นสุดลงจากการแพ้สงคราม ฮังการีจึงประกาศตัวเป็นอิสระแต่ก็ต้องสูญเสียดินแดนไปถึง 2 ใน 3 รวมทั้งประชากรมากถึง 3.3 ล้านคน
ในปี 1944 ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองจะปะทุขึ้น บูดาเปสต์ก็ถูกกองทัพอากาศของอังกฤษและสหรัฐฯ เข้าโจมตี หลังจากนั้นเมืองนี้ก็กลายเป็นสมรภูมิระหว่างเยอรมันกับสหภาพโซเวียตทำให้ประชาชนล้มตายลงมากกว่า 38,000 คน อีกทั้งสะพานข้ามแม่น้ำยังถูกทำลายลงไปด้วย ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองชาวยิวที่มีอยู่จำนวนมากในบูดาเปสต์ก็เสียชีวิตไปเกือบ 40% โดยเฉพาะในช่วงที่เยอรมันครอบครองเมือง แม้ชาวยิวส่วนหนึ่งจะได้รับความช่วยเหลือจากข้าราชการชาวสวิสแล้วก็ตาม
Chain Bridge
เมืองที่กลายเป็นศูนย์กลางของการปฏิวัติฮังการีในปี 1948 นี้ต้องเผชิญกับสงครามกลางเมืองอีกหลายครั้ง อาทิ สงครามกลางเมืองในบูดาเปสต์ในปี 1945 และ ปฏิวัติของฮังการีในปี 1956 เมืองบูดาเปสต์เป็นเมืองที่มีความเป็นโลกาภิวัตน์ตลอดมาเพราะมีความสำคัญทั้งทางด้านการค้า การเงิน ศิลปะ แฟชั่น การวิจัย เทคโนโลยี การศึกษา มีเดีย และสันทนาการโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางการเงินจากการที่มีการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจที่รวดเร็วเป็นอันดับสองของยุโรป ที่นี่ยังเป็นศูนย์กลางของสำนักงานใหญ่ขององค์กรระหว่างประเทศ และสหภาพยุโรปอีกหลายองค์กร อาทิ European Institute of Innovation and Technology, European Police College, China Investment Promotion Agency รวมทั้งมหาวิทยาลัยดังๆ อีกกว่า 40 แห่ง
นักท่องเที่ยวที่ได้มีโอกาสมาเยือนเมืองมรดกโลกแห่งนี้ควรจัดเวลาไว้เดินชมเมืองสักอย่างน้อยครึ่งวันเพื่อแวะถ่ายภาพและชื่นชมกับสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่สองฝั่งแม่น้ำดานูบไม่ว่าจะเป็น Buda Castle, สะพานโซ่ สะพาน Magaret และดื่มด่ำกับรัฐสภาที่สวยที่สุดในโลกที่มาของเพลง Blue Danube จากศิลปินชื่อก้องโลก Johann Strauss ชาวออสเตรียนั่นเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี