ศ.นพ.นิธิ มหานนท์
ในยุคที่ทุกคนมีช่องทางในการแสดงออกและมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ในสังคมออนไลน์ที่นับวันจะขยายใหญ่ขึ้น ทุกคนเปลี่ยนบทบาทจากเดิมที่เป็นเพียงผู้รับสารไปเป็นผู้ทั้งรับทั้งส่งสารได้ในวงกว้างด้วยเทคโนโลยีที่ไร้ขีดจำกัด โดยไม่มีกฎระเบียบหรือกติกาใดๆ พฤติกรรมที่สร้างความโกรธเคืองเกลียดชังแตกแยก อย่างการวิพากษ์ด้วยถ้อยคำก้าวร้าวรุนแรง การวิจารณ์ด้วยอารมณ์และอคติ และการเรียกร้องเรื่องที่ไม่ถูกใจตนเองในพื้นที่สาธารณะ หรือ การ Callout กลับกลายเป็นกระแสนิยม
แต่ความหมายที่แท้จริงของการ Callout คือการทักท้วงการกระทำที่ผิดกฎ ผิดระเบียบ ผิดค่านิยมหรือผิดบรรทัดฐานของสังคมส่วนรวมเพื่อให้สังคมเป็นระเบียบและสงบสุขไม่ใช่แค่การออกมาวิจารณ์หรือเรียกเสียงสนับสนุนจากผู้อื่นเพื่อสนองความต้องการของตนเอง ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จึงรณรงค์ให้ทุกคนร่วมกันสร้างวัฒนธรรมใหม่ โดยใช้วิจารณญาณใคร่ครวญ วิเคราะห์และแยกแยะในการเสพและส่งต่อข้อมูลข่าวสารอย่างมีความรับผิดชอบ มีจริยธรรม สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ให้เป็นวิถีปฏิบัติในการใช้สื่อออนไลน์ เพื่อให้สังคมมีระเบียบและสงบสุข
ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬากรณ์ แสดงทัศนะในเรื่องนี้ว่า “เทคโนโลยีทำให้คนคนหนึ่งสามารถส่งข้อความ ความรู้สึก อารมณ์ สู่สังคมวงกว้างได้ โดยที่ไม่ต้องแสดงตัวตน ทำให้มีแนวโน้มที่จะเกิดความรุนแรง ก้าวล่วงคนอื่น โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นใคร เป็นเหตุให้กระจายความคิดในเชิงลบออกไปในวงกว้าง มีการโวยวายด่าทอ รวมทั้งจับผิดคนอื่น ทั้งๆ ที่ประโยชน์ของการ callout นั้นมีอยู่มาก อาทิ การช่วยกันสอดส่องดูแลความผิดปกติของสังคม หรือการรณรงค์ร่วมกันทำสิ่งดี เช่น การเก็บขยะที่ชายหาด”
การประกวดผลิตสื่อคลิปวีดีโอและอินโฟกราฟิก DigiFam Awards เป็นความมุ่งมั่นของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ในการสร้างความตระหนักรู้ถึงผลกระทบในการใช้สื่อออนไลน์ และส่งเสริมให้ประชาชนใช้สื่ออย่างสร้างสรรค์และมีคุณภาพ อีกหนึ่งกิจกรรมภายใต้โครงการ Healthy Digital Family เสพสื่อ ใช้สติ มีสไตล์ ให้สตรอง ซึ่งเป็นบริการทางวิชาการแก่สังคมตามพระปณิธานของศาสตราจารย์ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี องค์ประธานราชวิทยาลัยฯ ที่ดำเนินการต่อเนื่องทุกปี โดยเปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษาและประชาชนนำเสนอความรู้และความเข้าใจในการใช้สื่อออนไลน์อย่าง สร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพ ผ่านผลงานคลิปวีดีโอหรืออินโฟกราฟิก เพื่อชิงถ้วย พระราชทาน และทุนการศึกษารวมกว่า 530,000 บาท
ซึ่งในปีนี้ เป็นการประกวดเป็นปีที่ 3 ภายใต้หัวข้อ “สังคมติดลบ สยบด้วยพลังบวก (Positive Callout Culture)” โดยแบ่งการประกวดเป็น 2 ประเภท ในประเภทสื่อคลิปวีดีโอ มี 3 ระดับ ได้แก่ ระดับปฐมวัยและประถมศึกษา ซึ่งเป็นระดับที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ในปีนี้เพื่อปลูกฝังแนวคิดสำหรับการใช้สื่อออนไลน์ในทางที่ดีให้เกิดขึ้นตั้งแต่วัยเด็ก ระดับมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ระดับอุดมศึกษาหรือเทียบเท่าและประชาชนทั่วไป
ส่วนประเภทสื่ออินโฟกราฟิก มี 2 ระดับ คือระดับมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า และระดับอุดมศึกษาหรือเทียบเท่าและประชาชนทั่วไป
ศ.นพ.นิธิ อธิบายถึงแนวคิดของวัฒนธรรม Positive CalloutCulture ว่า “คือการเอาน้ำดีมาไล่น้ำเสียร่วมกันนำเสนอเรื่องของความดีสิ่งสร้างสรรค์ และมีประโยชน์ขณะเดียวกันต้องตระหนักว่าน้ำเสียที่มีอยู่บางทีมีประโยชน์ ต้องรู้จักเลือกCallout เราต้องทำอย่างมีความรับผิดชอบ ใช้เสรีภาพทางการพูดอย่างเหมาะสม ไม่ก้าวล่วงบุคคลอื่นและต้องไม่สะเทือนต่อความมั่นคงทางสังคม”
ด้าน วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร The Standard หนึ่งในคณะกรรมการตัดสินการประกวดสื่ออินโฟกราฟิก กล่าวถึงการใช้สื่อดิจิทัลในปัจจุบันว่า “ในฐานะที่เราเป็นพลเมืองของสื่อดิจิทัลที่นับวันจะยิ่งขยายใหญ่ขึ้น เป็นหน้าที่ของเราที่จะรังสรรค์สังคมนี้น่าอยู่และได้ประโยชน์อย่างแท้จริง”
ดิจิแฟม อวอร์ด ครั้งที่ 3 เปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 พฤศจิกายน 2564 ผู้สนใจส่งผลงานเข้าร่วมการประกวด สามารถดาวน์โหลดใบสมัครและสอบถามรายละเอียดได้ที่ เว็บไซต์ : www.crahdfamily.com
Facebook Fanpage : DigiFam Awards ไลน์ไอดี : @digifam
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี