ผ่านพ้นไปได้อย่างงดงาม สำหรับงาน “CSTD Thailand Dance Grand Prix Part 1-Solos & Championships (ซีเอสทีดีไทยแลนด์ แดนซ์ กรังด์ ปรีซ์ พาร์ท 1-โซโลส์ แอนด์ แชมเปี้ยนชิปส์)”ครั้งที่ 8 เวทีการแข่งขันศิลปะการเต้นระดับมาตรฐานสากลแห่งเดียวในประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จัดขึ้นโดย สถาบัน The Commonwealth Society of Teachers of Dancing หรือ CSTD ประเทศไทย ร่วมกับ กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย และสถานทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย รวมทั้งสถาบัน CSTD ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งได้ผู้ชนะเป็นตัวแทนเยาวชนไทย เข้าร่วมแข่งขันศิลปะการเต้นนานาชาติภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก (CSTD Asia Pacific Dance Competition) ครั้งที่ 22 กับอีก 12 ประเทศ เป็นที่เรียบร้อย
ในงานได้รับเกียรติจากนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีเปิด ภายใต้การจัดงานในรูปแบบออนไลน์เป็นครั้งแรก ขานรับชีวิตวิถีใหม่แบบ New Normal แต่ยังคงความเข้มข้นในการแข่งขันเช่นเดิม โดยผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม อยู่บนมาตรฐานเดียวกัน โดยใช้พื้นที่บนเวทีเหมือนกัน ใช้แสงไฟแบบเดียวกัน และได้รับโอกาสโชว์หนึ่งรอบการแสดงเท่ากัน ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้มาตรการรักษาความปลอดภัย มีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนเข้าสตูดิโออย่างเคร่งครัด ซึ่งในวันไลฟ์สดคณะกรรมการจะเข้ามารับชมผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ยิงตรงจากประเทศออสเตรเลีย พร้อมกับผู้ชมทุกคน เพื่อให้ความรู้สึกและอรรถรสเสมือนได้รับชมจากโรงละครจริงให้ได้มากที่สุด
นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า “ในนามของกระทรวงวัฒนธรรม โดยสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย รู้สึกมีความยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันการเต้นระดับประเทศ ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี CSTDThailand Dance Grand Prix 2021 Part 1 ซึ่งการแข่งขันในครั้งนี้ได้จัดบนมาตรการสาธารณสุขในสถานการณ์โควิด-19 ตามความเหมาะสม โดยการแข่งขันคัดเลือกตัวแทนในประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมแข่งขันศิลปะการเต้นนานาชาติภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกนั้น ถือเป็นมหกรรมการแข่งขันศิลปะการเต้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เป็นเวทีสำคัญให้กับเยาวชนไทยได้พัฒนาฝีมือ ได้แสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์ รวมทั้งยังเป็นโอกาสในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการพัฒนาตนเอง และพัฒนาไปสู่การเป็นนักเต้นมืออาชีพ ผมเชื่อว่าในความเชื่อมั่น ความตั้งใจ ความมีระเบียบวินัยในการฝึกซ้อม ที่สำคัญคือพรสวรรค์ที่น้องๆ ผู้เข้าแข่งขันทุกท่านมีความตั้งใจ จะยกระดับศิลปะการเต้นให้ทัดเทียมนานาชาติ รวมถึงสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย และใช้ศิลปะการเต้นเป็นเครื่องมือในการพัฒนาเยาวชนให้เคารพกติกา มีระเบียบวินัย มีน้ำใจนักกีฬาและมีศักยภาพในการแข่งขันทัดเทียมกับนานาประเทศได้”
เด็บบี้ แมคริชชี่ ผู้อำนวยการฝ่ายต่างประเทศ สถาบัน CSTD ออสเตรเลีย กล่าวว่า “CSTD Thailand Dance Grand Prix เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันในระดับนานาชาติ ถือเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมมากๆ ขอแสดงความยินดีกับสมาชิกของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคุณครู ผู้เข้าแข่งขัน และผู้ปกครองที่ให้การสนับสนุน หวังว่าทุกคนจะได้ประสบการณ์และมีช่วงเวลาที่น่าจดจำและได้รับความสนุกสนาน ถือเป็นช่วงเวลาที่ท้าทาย และเป็นประวัติศาสตร์ของการแข่งขัน ที่ในปีนี้ได้จัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์ และมีผู้เข้าแข่งขันจำนวนมาก โดยยังคงความพิเศษและคุณภาพ ผสมผสานการโชว์และการตัดสินในรูปออนไลน์ได้อย่างยอดเยี่ยม ทุกคนจะได้เรียนรู้และประสบการณ์จากการแข่งขันที่แท้จริง ในการแข่งขันต้องมีผู้ชนะ แต่ไม่มีผู้แพ้ เป็นธรรมเนียมของการแข่งขันที่ต้องยอมรับการแสดงที่ดีที่สุด หลังจากการแข่งขัน การเต้นก็เหมือนชีวิต ที่ไม่มีใครขึ้นไปเป็นที่หนึ่งได้ทุกคน แต่เราจะได้สังคม ได้เรียนรู้เทคนิคต่างๆ และการยอมรับคำตัดสิน ซึ่งเราหวังว่านักเรียนของ CSTD ทั่วโลก จะเห็นคุณค่าของสิ่งนี้”
นางสาววัลลภา ปัจฉิมสวัสดิ์ ผู้แทนสถาบัน CSTD ประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า “การแข่งขันศิลปะการเต้น CSTD Thailand Dance Grand Prix ครั้งที่ 8 แม้ว่าจะอยู่ในช่วงวิกฤตการระบาดของโควิด และเพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าแข่งขันทุกคน การแข่งขันครั้งนี้เกิดขึ้นได้ด้วยการร่วมแรงร่วมใจ ระดมสมองเพื่อที่จะได้ปรับรูปแบบของการแข่งขันออกมาเป็น 2 ส่วนด้วยกัน ส่วนที่ 1 คือการแข่งขันประเภทเดี่ยวซึ่งจัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์ ส่วนการแข่งขันในพาร์ทที่ 2 เป็นการแข่งขันคู่ กลุ่มเล็ก Assemble และกลุ่มใหญ่ Troop จะจัดในภายหลัง เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนทั่วภูมิภาคของประเทศไทย ได้มาทำการแสดงความสามารถ ทั้ง 520 ระบำ จากสถาบันสอนศิลปะชั้นนำถึง 38 สถาบัน เพื่อให้เด็กๆ ได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะในการเต้น พร้อมทั้งท้าทายตนเอง ในรูปแบบที่ต้องปรับตัวเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความอดทนหรือการปรับตัวอย่างกล้าหาญ นั่น คือสิ่งที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่งกับสปิริตของทุกคน ทั้งผู้เข้าแข่งขันผู้ปกครอง คณะครู ที่ยังสู้และเดินหน้าต่ออย่างไม่หยุดยั้ง”
รูปแบบการแข่งขันในปีนี้ถูกแบ่งออกเป็นหลากหลายประเภท เพื่อให้ครอบคลุมทุกความฝันของบรรดานักเต้น ได้แก่ แบบเดี่ยว (Solo), แบบคู่ หรือ 3 คน (Duo/Trio), แบบกลุ่มขนาดเล็ก 4-6 คน(Ensemble), กลุ่มใหญ่ 7-30 คน (Troupe) โดยในพาร์ท 1 เริ่มที่การแข่งขันประเภทเดี่ยว“CSTD Thailand Dance Grand Prix Part 1-Solos & Championships” ถึงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แต่ก็ไม่สามารถหยุดแพชชั่นการตามฝันของเหล่าเยาวชนได้มีผู้เข้าแข่งขันถึง 38 สถาบันจากทั่วภูมิภาคของประเทศ โดยมีเยาวชนเข้าแข่งขันถึง 520 ระบำ มาพร้อมรูปแบบในการเต้นที่หลากหลายกว่า 11 สไตล์ ไม่ว่าจะเป็น Children Freestyle, Novelty, Classical Ballet, Lyrical, Demi Character, Modern Jazz, Contemporary, National, Tap, Repertoire, Improvisation, Song & Dance, Hip Hop, Betty Tilley Perpetual Trophy Dance Challenge และ Championshipพร้อมได้ผู้ชนะการแข่งขันครั้งนี้ได้แก่ นางสาวฐิตาภา เติมเจริญผลหรือน้องแซนด์ทราย คว้ารางวัลถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประเภทคะแนนรวมประเภทเดี่ยวและ Championship สาวน้อยที่มีหัวใจรักการเต้น ใช้ความทุ่มเท มุ่งมั่น ความพยายามและไม่เคยหยุดพัฒนา จนถ่ายทอดออกมาเป็นการแสดงที่งดงามน่าทึ่ง อ่อนช้อยแต่แข็งแกร่ง ทรงพลัง มัดหัวใจของคณะกรรมการที่ต่างเทใจยกให้เธอเป็นผู้ชนะบนเวทีแห่งนี้ไป
เตรียมปักหมุดพบกับการแข่งขัน CSTD Thailand Dance Grand Prix Part 2 ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งจะจัดขึ้นอีกครั้งเร็วๆ นี้ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/cstdthailand
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี