หลังจากเปิดโรงเรียนเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน และถึงแม้จะมีคำยืนยันว่าเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดสแล้ว แต่ก็ยังมีข่าวการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ปรากฏในโรงเรียนต่างๆ เป็นระยะๆ ประกอบกับในระยะนี้มีข่าวว่าหลายประเทศในยุโรปต้อง lock down อีก เพราะพบการแพร่ระบาดของโควิด-19 มากขึ้น
โดยเฉพาะข่าวการติดโควิด-19 ในโรงเรียนคงทำให้ผู้ปกครองเด็กนักเรียนไม่สบายใจ เพราะเกรงว่าลูกหลานจะติดเชื้อโรคนี้ หลายคนกังวลว่าหากเชื้อแพร่ระบาดมากๆ อาจจะต้องปิดโรงเรียน แล้วเด็กๆ ต้องกลับไปเรียน Online อีก
เรื่องสำคัญประการแรกที่ผู้ปกครองและครูต้องทำโดยด่วนคือ ต้องสร้างความตระหนักรู้เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้บุตรหลานและนักเรียนเข้าใจ เพื่อทุกคนจะได้เพิ่มความระมัดระวังตนเองตลอดเวลา ต้องเน้นเรื่องการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลเป็นประจำ เพื่อให้เด็กๆ สังเกตว่าขณะนี้ตนเองอยู่ในที่ซึ่งแออัดเกินไปหรือไม่ และต้องหลีกเลี่ยงพื้นที่แออัดโดยทันที และที่จำเป็นไม่แพ้กันก็คือ การย้ำเตือนให้เด็กสวมหน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐานตลอดเวลาเมื่ออยู่ในโรงเรียน แม้กระทั่งช่วงที่ต้องเดินทางไปและกลับจากโรงเรียน และต้องเตรียมหน้ากากอนามัยสำรองอย่างน้อย 1-2 ชิ้น ให้เด็กด้วย พร้อมทั้งต้องบอกเด็กว่าเมื่อหน้ากากอนามัยสกปรก ต้องเปลี่ยนทันที และต้องทิ้งให้ถูกต้องด้วย เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ ขณะเดียวก็ต้องย้ำเตือนให้เด็กๆ ล้างมือให้สะอาดเป็นประจำ หลังจากหยิบจับสัมผัสสิ่งของต่างๆ
แล้วทางที่ดีก็ต้องจัดหาสเปรย์หรือเจลแอลกอฮอล์ที่ได้มาตรฐานให้กับบุตรหลานด้วย พร้อมย้ำกับพวกเขาว่า หากไม่สามารถล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดได้ก็ต้องใช้สเปรย์หรือเจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือโดยทันทีเมื่อสัมผัสสิ่งของต่างๆ
เด็กๆ อาจจะไม่ค่อยระมัดระวังตัวเมื่อเวลาอยู่กับเพื่อนๆ โดยเฉพาะเวลารับประทานอาหารกลางวัน หรือในช่วงที่พวกเขาเล่นด้วยกันเป็นกลุ่มๆ เด็กๆ อาจจะการ์ดตกเวลาเล่นกัน หรือเวลารับประทานขนม อาหาร และดื่มน้ำ ดังนั้น ผู้ปกครองและครูต้องเอาใจใส่กับเรื่องเหล่านี้ให้มาก ต้องย้ำเสมอๆ ให้เด็กหลีกเลี่ยงการหยิบจับสัมผัสสิ่งของๆ ผู้อื่น หรือแม้กระทั่งการสัมผัสลูกบิดประตู รวมถึงเวลาใช้ห้องน้ำ และเวลาเล่นสนุกกับเพื่อนๆ หากจะเล่นกันก็ต้องสวมหน้ากากอนามัยให้ครอบคลุมทั้งปากและจมูกตลอดเวลา หากหยิบจับสิ่งใดแล้ว ก็ต้องไม่เอามือไปขยี้ตา แหย่จมูก แหย่ปาก แต่ต้องรีบไปล้างมือให้สะอาดทันที การเตือนให้เด็กระมัดระวังเรื่องเหล่านี้จะทำให้เด็กเคร่งครัดกับการดูแลสุขภาพของตนเองและของเพื่อนๆ
เมื่อเด็กกลับถึงบ้าน สิ่งแรกที่ต้องกระทำคือเปลี่ยนเสื้อผ้า และอาบน้ำสระผมโดยทันที อย่าปล่อยให้เด็กอยู่ในชุดนักเรียนจนค่ำมืด เพราะหากมีเชื้อปนเปื้อนที่เสื้อผ้า การอยู่ในชุดนักเรียนที่สกปรกคือการเพิ่มโอกาสการแพร่กระจายเชื้อไปทั่วบ้าน โดยเฉพาะบ้านที่มีผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ติดเชื้อได้ง่ายร่วมอาศัยอยู่ด้วยยิ่งต้องระมัดระวังเรื่องนี้ให้มาก ถึงแม้ว่าบุคคลนั้นจะฉีดวัคซีน 2-3 เข็มแล้วก็ตาม ก็ไม่ควรอยู่ใกล้ชิดกับเด็กๆ มากเกินไป เพราะเด็กๆ อาจสัมผัสและนำพาเอาเชื้อโรคกลับมาบ้านได้ อันที่จริงไม่เฉพาะแต่เชื้อไวรัสโควิด-19 เท่านั้น แต่ยังมีเชื้อไข้หวัดใหญ่ และเชื้อโรคติดเชื้อทางเดินหายใจอื่นๆ ด้วย
แนวปฏิบัติเรื่องการเว้นระยะห่างที่โรงเรียนและที่บ้านต้องทำในรูปแบบเดียวกัน เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ อย่าชะล่าใจคิดว่าในบ้านปลอดเชื้อ แล้วการ์ดตก เนื่องจากเชื้ออาจจะแฝงตัวเข้ามาอยู่ในบ้านก็ได้
เรื่องสำคัญอีกเรื่องคือต้องมีการสื่อสารอย่างใกล้ชิดเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลความเสี่ยงระหว่างบ้านกับโรงเรียน เมื่อมีการติดเชื้อที่โรงเรียน ผู้ปกครองจะต้องรู้และประเมินความเสี่ยงเพื่อสามารถจัดการแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสมทันการณ์ แล้วถ้าหากเกิดการติดเชื้อจากที่บ้านหรือจากชุมชนของเด็ก ก็ต้องรีบส่งข้อมูลให้โรงเรียนทราบทันที เพื่อโรงเรียนจะได้ดำเนินการอย่างเหมาะสมเพื่อแก้ปัญหาได้ทันท่วงที
ในสถานการณ์ที่ทุกชีวิตต้องดำเนินต่อไปโดยที่ยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงของโรคโควิด-19 แม้หลายคนจะได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว ก็ต้องระมัดระวังตัวอย่างดีต่อไปการได้รับวัคซีนไม่ได้หมายความว่าไม่ติดเชื้ออีก ดังนั้นจึงต้องตั้งการ์ดสูงไว้เสมอ เพื่อสวัสดิภาพของตัวเองและส่วนรวม และเพื่อลดความสูญเสียที่เกิดจากเชื้อโควิด-19
ผศ.ภญ.ดร.ณัฎฐดา อารีเปี่ยม
คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี