วันอังคาร ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ผู้หญิง
เปิดเส้นทางชีวิต 2 ลูกผู้ชาย กับบทบาท ‘พ่อ’ และ ‘ลูก’ บนเส้นทางอาชีพคนขับแกร็บ

เปิดเส้นทางชีวิต 2 ลูกผู้ชาย กับบทบาท ‘พ่อ’ และ ‘ลูก’ บนเส้นทางอาชีพคนขับแกร็บ

วันศุกร์ ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2564, 19.27 น.
Tag :
  •  

เปิดเส้นทางชีวิต 2 ลูกผู้ชาย กับบทบาท “พ่อ” และ “ลูก” ผู้เป็นเสาหลักของครอบครัว สองการเดินทางกับหนึ่งเป้าหมาย บนเส้นทางอาชีพคนขับแกร็บ

เชื่อว่าเมื่อพูดถึงคำว่า “พ่อ” เราจะนึกถึงภาพของผู้ชายที่เข้มแข็ง คนที่หวังดีและเคียงข้างเราเสมอ ผู้ที่เป็นทั้งแรงบันดาลใจและกำลังใจให้เราลุกขึ้นสู้ทุกครั้งที่ล้มลง เนื่องในโอกาสวันพ่อ “แกร็บ” อยากชวนทุกคนมาสัมผัสเรื่องราวชีวิตของสองนักสู้ผู้เป็นเสาหลักของครอบครัว ผ่านสองมุมมองของ เอกลักษณ์ บุญสืบสาย พ่อผู้เป็นเสาหลักของทุกคนในครอบครัว และ วิฑูร นามไพร ลูกชาวนาที่เข้ามาเสี่ยงดวงในเมืองหลวงหวังเป็นกำลังหลักค้ำจุนคุณพ่อวัยเกษียณ การเดินทางของสองความฝันสู่จุดมุ่งหมายในการเป็นที่พึ่งให้กับคนที่รัก บนเส้นทางอาชีพคนขับรถรับส่งผู้โดยสารในเมืองกรุง


เส้นทางชีวิตลูกผู้ชายกับวัยเด็กที่ขาดหาย

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2525 หากใครเคยผ่านแถวสนามหลวงจะมีภาพของเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่กำลังยืนขายถุงกระดาษที่หอบเอาไว้เต็มมือ เพื่อช่วยแม่หารายได้มาจุนเจือครอบครัว เด็กชายในวันนั้นได้เติบโตมาเป็น นายเอกลักษณ์ บุญสืบสาย หรือ “พี่อู” หนุ่มใหญ่วัย 43 ที่ยึดอาชีพขับแกร็บมาแล้วกว่า 7 ปี

“ผมไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย แม่เป็นกระเป๋ารถเมล์อยู่แถวสนามหลวง สิ่งที่เด็กในวัยนั้นอย่างผมพอจะทำได้เพื่อหาเงินมาช่วยแม่ก็คือการพับถุงกระดาษขาย ตอนนั้นผมก็อยากไปวิ่งเล่นสนุกกับเพื่อนนะ แต่พอเห็นแม่ลำบากผมก็ไม่อยากไป พอมองย้อนกลับไปสิ่งเหล่านั้นมันทำให้ผมกลายเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้กับอะไรง่ายๆ แต่ทุกอุปสรรคที่เคยมีมาเทียบไม่ได้เลยกับตอนที่ ‘น้องแทนคุณ’ ลูกชายผมคลอดก่อนกำหนด ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตเพราะความหวังเดียวในตอนนั้นคืออยากให้ลูกมีชีวิตรอด”

นั่นเป็นจุดเปลี่ยนให้พี่อูตัดสินใจให้ภรรยาลาออกจากงานเพื่อมาดูแลลูกอย่างใกล้ชิด ถึงจะมีความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะดูแลครอบครัว แต่การที่ผู้ชายธรรมดาหนึ่งคนจะต้องหาเลี้ยงทั้งลูก ภรรยา และแม่ผู้ให้กำเนิดก็ไม่ใช่เรื่องง่าย พี่อูต้องทำงานหลายอย่างเพื่อให้มีรายได้เพียงพอที่จะพยุงทุกคนในบ้าน

“เหนื่อยกายนอนพักก็หาย แต่เพื่ออนาคตของลูกเราจะท้อไม่ได้ ตอนนั้นผมต้องทำทั้งงานประจำและงานพิเศษเพื่อให้มีรายได้มาดูแลครอบครัว จนมาวันนึงผมเห็นรถแท็กซี่เปิดไฟว่างเข้ามาในหมู่บ้านเพื่อรับผู้โดยสาร ผมแปลกใจมากว่าเขารู้ได้ยังไงว่ามีคนต้องการเรียกรถอยู่ในซอยที่ลึกขนาดนี้ จนได้ลองหาข้อมูลจึงได้รู้ว่าแกร็บเปิดให้บริการแล้ว ผมเลยตัดสินใจมาเป็นพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บเพื่อหารายได้เสริม หลังจากที่ได้ลองขับแกร็บหลังเลิกงานได้ไม่กี่เดือน ผมก็ตัดสินใจลาออกจากงานทันที ปัจจุบันแกร็บจึงกลายมาเป็นรายได้หลักที่ทำให้ผมเลี้ยงดูครอบครัวได้อย่างสบาย ผมว่าชีวิตก็ไม่ต่างอะไรกับการขับรถบนท้องถนน เมื่อก่อนอาจจะเจอทางขรุขระบ้าง แต่วันนี้ถนนที่ผมกำลังขับรถอยู่ราบเรียบขึ้นเยอะนะครับ” พี่อูจบบทสนทนาด้วยเสียงหัวเราะที่เราฟังแล้วรู้สึกชื่นใจตามไปด้วย

เส้นทางชีวิตลูกผู้ชายกับคราบน้ำตาในวันที่ชีวิตเดินมาถึงทางตัน

วิฑูร นามไพร หรือ “ฑูร” ชายหนุ่มวัย 36 ปี ที่เติบโตมาในครอบครัวชาวนาในจังหวัดร้อยเอ็ด ปัจจุบันยึดอาชีพขับแกร็บแท็กซี่มาแล้วกว่า 6 ปี มองจากภายนอกคงไม่มีใครรู้ได้เลยว่า ใบหน้าของชายคนนี้เคยผ่านคราบน้ำตามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

ฑูรเล่าให้เราถึงชีวิตวัยเด็กว่า “พื้นเพครอบครัวผมเป็นชาวนาอยู่ที่จังหวัดร้อยเอ็ด ด้วยความที่พ่ออยากให้ผมมีโอกาสได้เข้ามาเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ เลยส่งผมมาอยู่กับน้าที่ทำอาชีพขับรถส่งนม ซึ่งผมก็ได้น้านี่แหละที่ช่วยสอนขับรถให้ การขับรถจึงเป็นทักษะที่ผมถนัดที่สุด พอโตมาผมเลยตัดสินใจยึดการขับรถแท็กซี่เป็นอาชีพโดยเก็บเงินไปดาวน์รถแท็กซี่มือสองมาขับ ตอนขับแรกๆ แทบจะหาลูกค้าไม่ได้เลยเพราะผมเป็นคนพูดไม่เก่งเลยไม่มีสังคมในหมู่คนขับแท็กซี่ด้วยกัน ไม่รู้ว่าต้องไปรอจุดไหนเวลาไหนถึงจะได้ลูกค้า รายได้แต่ละวันเลยหมดไปกับค่าน้ำมัน เพราะต้องตระเวนขับรถหาลูกค้า ชีวิตตอนนั้นผมแทบหมดตัวเพราะค่าใช้จ่ายมีเข้ามาทุกเดือนแต่รายได้ของเราไม่แน่นอน ไหนจะค่าซ่อมรถมือสองที่พังเกือบทุกเดือน ทำให้ผมชักหน้าไม่ถึงหลังจนต้องโทรไปยืมเงินพ่ออยู่เสมอ”

“ตอนนั้นผมน้อยใจโชคชะตาชีวิตจนเคยคิดฆ่าตัวตายด้วยนะ เพราะขนาดยืมเงินพ่อทุกเดือนและออกมาขับรถทุกวัน แต่เงินที่ได้มาก็ยังไม่พอโปะหนี้เก่า ส่วนหนี้ใหม่ก็พอกพูนขึ้นเรื่อยๆ แต่มันมีจังหวะหนึ่งที่ฉุกคิดได้ว่าถ้าเราไม่อยู่แล้วพ่อจะอยู่ยังไง เลยรวบรวมความกล้าครั้งสุดท้ายเพื่อขอร้องพ่อให้เอาที่นาไปจำนองเพื่อเอาเงินมาปิดหนี้รถให้หมด จะได้มีเงินไว้ใช้จ่ายบ้าง ตอนนั้นคือการเดิมพันครั้งใหญ่ในชีวิตผมเลยนะ เพราะนาผืนนั้นคือเครื่องมือทำมาหากินชิ้นสุดท้ายของพ่อ ถ้าผมล้มเหลวครอบครัวผมก็จะล้มไปด้วย”

“โชคดีที่ในปีนั้นเป็นปีที่ได้มารู้จักกับแอปพลิเคชันแกร็บ ผมเลยลองสมัครเป็นพาร์ทเนอร์แกร็บ ปรากฏว่าเป็นการตัดสินใจที่เปลี่ยนชีวิตเราไปเลย เพราะเทคโนโลยีช่วยให้เราเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น จากเดิมที่ผมต้องขับรถวนหาลูกค้า ก็กลายเป็นว่าแอปอย่างแกร็บช่วยหาลูกค้ามาให้เราแทน ทำให้เรามีรายได้เพิ่มขึ้นกว่าเดิม พอเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์แกร็บได้ประมาณ 1 ปี ผมก็เก็บเงินช่วยไถ่นาพ่อคืนมาได้ และยังได้เงินเพิ่มมาดาวน์รถคันใหม่อีกด้วย” ฑูรเล่าเสริมด้วยความภาคภูมิใจ

“เมื่อปีที่แล้วในช่วงที่โควิดระบาดหนักๆ และคนไม่ค่อยออกจากบ้าน ผมเองก็ต้องปรับตัว หันมาขับรถส่งอาหารแทนการส่งผู้โดยสาร ก็สนุกไปอีกแบบนะ ทางแกร็บเขามีโค้ชประจำกลุ่มคอยช่วยเหลือแนะนำคนขับ มีการจัดเกมส์แข่งขันกันในกลุ่มเพื่อให้รางวัลกับคนที่ให้บริการลูกค้าได้ดี ทำให้ผมมีสังคมในแวดวงคนขับรถด้วยเหมือนกัน จากคนที่ขี้อายไม่ค่อยกล้าพูดกับใคร ตอนนี้ก็มีความมั่นใจมากขึ้นครับ”

วันแห่งความภาคภูมิใจของสองลูกผู้ชาย

พี่อูเล่าถึงวันที่น้องแทนคุณเข้ารับทุนการศึกษาจาก โครงการ Grab The Future ให้ฟังว่า “วันนั้นลูกผมตื่นเต้นมาก เขาตื่นแต่เช้าตั้งตารอที่จะออกจากบ้าน พอขับรถมาถึงงานน้องแทนคุณตกใจมากที่มีเด็กในวัยใกล้เคียงกันอีกหลายคนที่มีพ่อทำงานขับรถรับส่งผู้โดยสารเหมือนกับเขา บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความครึกครื้น มีพรมแดงปูรอเด็กๆ ที่ได้รับทุน ผมสัมผัสได้ว่าลูกชายมีความสุขมากที่ได้ขึ้นไปยืนบนเวที ซึ่งผมคงไม่มีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มของลูกบนเวทีในวันนั้นหากไม่ได้มาขับแกร็บ สำหรับผมแกร็บไม่ได้เป็นแค่แพลตฟอร์มแต่เป็นเหมือนเพื่อนร่วมงานที่คอยช่วยเหลือและรับฟังปัญหาเรา จากประสบการณ์การทำงานร่วมกับแกร็บมากว่า 7 ปี แกร็บมีการพัฒนาระบบตลอดเวลาและเปิดบริการใหม่ๆ เพื่อช่วยให้พาร์ทเนอร์มีโอกาสในการหารายได้มากขึ้น แล้วก็ยังมีสินเชื่อและประกันอุบัติเหตุให้อีก ซึ่งตอบโจทย์อาชีพที่ต้องอยู่บนท้องถนนอย่างผม”

“ความหวังของผมในตอนนี้คืออยากเฝ้าดูการเติบโตของลูกให้นานที่สุดและอยากส่งเสียให้เขาเรียนให้สูงที่สุด โดยไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องไปแข่งกับใคร อยากให้เขาได้ทำในสิ่งที่รัก วันนึงเรียนจบมาแล้วไม่รู้จะทำอาชีพอะไรก็สามารถมาขับแกร็บเหมือนพ่อได้ เพราะผมมองว่านี่เป็นอาชีพที่สุจริตและทำให้เราเลี้ยงดูครอบครัวได้ ยิ่งในตอนนี้การเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันถูกกฏหมายแล้ว ในยุคของลูกก็จะยิ่งสะดวกสบายกว่ายุคพ่อแน่นอน ผมวางแผนว่าหากเศรษฐกิจกลับมาดีขึ้น ก็อยากจะออกรถเอสยูวีอีกคัน จะได้ใช้ทั้งขับแกร็บและพาลูกไปเที่ยวในวันหยุดได้ด้วย”

ด้านฑูร หนุ่มสู้ชีวิตจากร้อยเอ็ดเล่าถึงความภาคภูมิใจว่า “วันที่ภูมิใจที่สุดในชีวิต คือวันที่ผมไถ่ที่นาคืนให้พ่อได้สำเร็จ จากที่เคยเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเอง ทำให้พ่อต้องคอยเป็นห่วงอยู่เสมอว่าเราจะหาเลี้ยงตัวเองรอดไหม จนมาถึงวันนี้ที่เรามีกำลังมากพอจะที่จะดูแลครอบครัวได้ และทำให้พ่อไม่ต้องเหนื่อยทำนาหาเงินมาให้ผมใช้หนี้อีกต่อไป การได้มาเป็นพาร์ทเนอร์กับแกร็บทำให้ผมมีรายได้มากเพียงพอที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำครอบครัวได้อย่างเต็มตัว”

“เกือบ 2 ปีแล้วที่ผมไม่มีโอกาสกลับบ้านไปเยี่ยมพ่อที่ร้อยเอ็ด แต่ทุกครั้งที่ได้วีดีโอคอลคุยกับคุณพ่อก็จะมีกำลังใจขึ้นมาทันที เรามักจะคุยกันเรื่องต้นไม้อยู่บ่อยๆ ถึงผมจะอยู่กรุงเทพฯ แต่ก็สั่งซื้อต้นไม้ผ่านทางออนไลน์ส่งไปให้พ่อบ้าง หรือบางครั้งก็สั่งอาหารที่พ่อเขาชอบส่งไปให้ ถึงเราจะไม่ได้อยู่ใกล้กัน แต่เราคิดถึงกันเสมอ”

-(016)

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ยันฮี จับมือ มูลนิธิปวีณาฯ ฟื้นชีวิตใหม่ 4 เยาวชนเยียวยาร่างกาย เติมความหวัง สร้างโอกาสสู่อนาคต ยันฮี จับมือ มูลนิธิปวีณาฯ ฟื้นชีวิตใหม่ 4 เยาวชนเยียวยาร่างกาย เติมความหวัง สร้างโอกาสสู่อนาคต
  • TinderⓇ สนับสนุนคนโสดเป็นตัวของตัวเอง 61% Gen Z ไทยเปิดกว้างรับความแตกต่าง TinderⓇ สนับสนุนคนโสดเป็นตัวของตัวเอง 61% Gen Z ไทยเปิดกว้างรับความแตกต่าง
  • ครบรอบ 91 ปี วันสถาปนามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดพิธีมอบรางวัลศิษย์เก่าผู้ทำประโยชน์แก่สถาบัน ครบรอบ 91 ปี วันสถาปนามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดพิธีมอบรางวัลศิษย์เก่าผู้ทำประโยชน์แก่สถาบัน
  • ‘ศิริราช-กาญจนา’ ชวนคนไทยมอบ ‘โอกาส’ทางการรักษาในคอนเสิร์ตระดมทุน ‘BIRD FANFEST 20XX’ รอบการกุศล ‘ศิริราช-กาญจนา’ ชวนคนไทยมอบ ‘โอกาส’ทางการรักษาในคอนเสิร์ตระดมทุน ‘BIRD FANFEST 20XX’ รอบการกุศล
  • ‘ผาณิต พูนศิริวงศ์’ รับรางวัลเข็มเกียรติยศ 2568 วันครบรอบ 91 ปีวันสถาปนามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ‘ผาณิต พูนศิริวงศ์’ รับรางวัลเข็มเกียรติยศ 2568 วันครบรอบ 91 ปีวันสถาปนามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  • ทีม  OrganoTopia ม.มหิดล คว้าชัยเวที  Startup Thailand League 2025 ภาคกลาง-ตะวันออก ทีม OrganoTopia ม.มหิดล คว้าชัยเวที Startup Thailand League 2025 ภาคกลาง-ตะวันออก
  •  

Breaking News

ลูกเขยคลั่ง! มีดฟันพ่อตา-แม่ยาย-เมียสาหัส สุดท้ายผูกคอดับหนีผิด

แนวหน้าวิเคราะห์ : หยุด‘คอกม้าจีนเทา’ แหล่งฟอกเงินแก๊งคอลฯ

เช็คอากาศวันนี้! ทั่วไทยฝนตกหนักบางแห่ง กทม.ฟ้าคะนอง 70%

ศบ.ทก.ข้องใจเอกสารหลุด! ยันไทยไม่มีนโยบายปิดด่าน

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved