สัปดาห์นี้ กลับมาถึงนโยบาย “โควิดเป็นศูนย์” หรือ Covid Zero กันอีกครั้ง.. และครั้งนี้ดูจะมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย .. กับการระบาดของเชื้อไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ “โอไมครอน” ที่มาเร็ว และมาแรง เพราะกว่า 40 ประเทศแล้วที่เจอผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ล่าสุดของโลกตัวนี้ และนำมาสู่มาตรการคุมเข้มพรมแดนเพิ่มเติม ทั้งที่บางประเทศเพิ่งประกาศผ่อนคลายข้อบังคับในการเดินทาง แต่ก็ต้องนับถอยหลังกลับมาอีกอย่างน้อย 1 ก้าว
หวง หยาน จง นักวิจัยอาวุโสด้านสาธารณสุข แห่งสภาวิเทศสัมพันธ์ในนิวยอร์ก พูดถึงไวรัสโอไมครอนว่า นี่คือ “บูสเตอร์ช็อตสำหรับมาตรการโควิดเป็นศูนย์”
หมายถึงว่า เป็นตัวการันตีถึงนโยบายนี้ของจีน ว่ามีข้อดีมากกว่าที่จะมีข้อเสียอย่างน้อยก็ในห้วงเวลาที่ไวรัสยังกลายพันธุ์ไม่สิ้นสุด แม้ว่าจะยังไม่มีความชัดเจนในเวลานี้ว่าไวรัสกลายพันธุ์ใหม่นี้มีอันตรายมากขึ้นแค่ไหน แต่ค่อนข้างชัดเจนว่า ไวรัสใหม่นี้ จะทะลวงเข้าสู่กำแพงที่จีนตั้งขึ้นไว้ได้ยากมากทีเดียว
หวง ระบุว่า ไม่ใช่การแก้ตัว หรือแก้ต่างให้กับแนวทางยึดมั่นใน Covid Zero อย่างเข้มงวดของจีน เพราะท้ายที่สุด แนวทางนี้ก็ถูกจัดว่าเป็นตัวฉุด “เศรษฐกิจ” อย่างมาก และยังไม่มีการรับประกันใดๆ ได้ว่าไวรัสตัวนี้ หรือตัวอื่นๆ จะไม่สามารถหาหนทางเล็ดลอดเข้าสู่แดนมังกรได้เพราะที่ผ่านมา ไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลต้าก็ทำได้มาแล้ว แต่หากชาติตะวันตกต่างต้องเดินถอยหลังกลับจากแนวทางเปิดประเทศ และหวนกลับคืนสู่การปิดกั้นพรมแดนอีกครั้ง พวกเขาก็จะสูญเสียเหตุในการกล่าวหาจีนว่า ยึดมั่นในสิ่งที่ถูกทั้งที่พวกเขาพยายามกล่าวหามาตลอดว่านั่นคือแนวทางที่ไม่ยั่งยืนและไม่ถูกต้อง
ด้านสื่อทางการจีนอย่าง Global Times ก็ได้ประกาศตนชัดเจนแล้วว่า จีนเป็นประเทศที่หลีกเลี่ยงความเสียหายจาก “โอไมครอน” ได้ ในขณะที่นักวิเคราะห์บางคน ก็มองว่า แนวทางของจีนอาจให้ประโยชน์ได้มากกว่า โดย คิงเกอร์ หลอนักยุทธศาสตร์แห่งสถาบันโกลแมนแซคส์ ระบุว่า ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ และการควบคุมไวรัสโคโรนา ในประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลกเช่นนี้ ทำให้จีนอยู่ในสถานะที่ดีกว่าใคร ในการเผชิญหน้ากับไวรัสตัวใหม่นี้
แต่จีนก็จำเป็นต้องระวังเอาไว้ก่อน เพราะมีผลการศึกษาจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีน ประเมินเอาไว้เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้เองว่า หากจีนเดินหน้าเปิดประเทศ ตามแนวทางตะวันตก เพื่อใช้ชีวิตร่วมกับไวรัส จีนอาจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันละ 637,155 คน นับเป็นตัวเลขที่มากกว่าชาติใดในโลก ไม่เพียงเท่านี้ รายงานยังชี้ด้วยว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้ออาการหนัก อาจสูงถึง 22,364 คนต่อวัน ซึ่งแน่นอนว่านี่คือผลกระทบที่ร้ายแรงที่สุดต่อระบบสาธารณสุขของจีน ที่คงไม่สามารถรับมือและเผชิญหน้ากับหายนะเช่นนั้นได้ ในขณะที่จีนเตรียมเป็นเจ้าภาพงานใหญ่ อย่างการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ในอีกมาถึง 2 เดือนข้างหน้า
นิโคลัส โธมัน ผู้ช่วยศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยซิตี้ บนเกาะฮ่องกง ผู้ซึ่งเขียนหนังสือด้านนโยบายต่างประเทศและสาธารณสุขหลายเล่มบอกว่า จีนไม่ได้มีหนทางมากนักกับแนวทางที่ยึดมั่นอย่างยิ่งยวดนี้ เพราะวัคซีนเชื้อตายที่มีประสิทธิภาพไม่เทียบเท่านวัตกรรมใหม่ๆ ทำให้จีนไม่มีทางเลือกอื่นที่มากพอ แม้ว่าวัคซีนจีนจะลดอัตราการรักษาตัวในโรงพยาบาลและการเสียชีวิตได้จริงแต่ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อหรือติดเชื้อซ้ำ ได้เท่ากับวัคซีนชนิด mRNA ของชาติตะวันตก อีกทั้งยังมีข้อมูลวิจัยที่ค่อนข้างชัดเจนในเรื่องนี้ เกี่ยวกับการป้องกันไวรัสเดลต้า เมื่อเทียบกับวัคซีนของชาติตะวันตก
นั่นคือเหตุผลว่า จีนยังคงยึดมั่นแนวทาง Covid Zero ต่อไป แม้ว่าจะฉีดวัคซีนได้มากกว่า 75% ของประชากรทั้งประเทศแล้ว รวมถึงเด็กที่อายุ 3 ปีขึ้นไป ตลอดจนการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้ว เพราะจีนเองก็ยังไม่ได้มีความมั่นใจเพียงพอว่าอะไรจะเกิดขึ้น หากเดินหน้าเปิดเศรษฐกิจต่อไป
ที่สำคัญ จีนจำเป็นต้องทำให้การติดเชื้อโควิด-19 ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนกว่าจะถึงการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งใหญ่ช่วงกลางปี 2022 ซึ่งจะเป็นเวทีที่ประกาศชัดเจนในการให้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ดำรงตำแหน่งในสมัยที่ 3 ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี