โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของเยอรมนีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง รับไม้ต่อจากนางอังเกลา แมร์เคิล เรียบร้อยแล้ว ปิดฉากการทำหน้าที่ผู้นำเยอรมนีของนายกฯ หญิงเหล็กมาตลอด 16 ปีเต็ม
โชลซ์ วัย 63 ปี นำพรรคโซเชียล เดโมแครต หรือ SDP คว้าชัยในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา และถูกมองว่าน่าจะได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของเยอรมนี เพราะเขามีบทบาททางการเมืองในรัฐบาลของแมร์เคิลมายาวนานในฐานะรองนายกรัฐมนตรี เขาใช้เวลากว่า 3 เดือน เจรจาตั้งรัฐบาลผสมกับพรรคกรีนส์ และพรรคฟรี เดโมแครตก่อนลงนามในข้อตกลงจัดตั้งรัฐบาลผสมไปเมื่อวันอังคาร และเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งในวันถัดมา หลังจากสมาชิกรัฐสภาเยอรมนี หรือ บุนเดสถาก ที่พรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 3ครองเสียงข้างมากอยู่ในขณะนี้ลงคะแนนเลือกเขาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ส่วนคณะรัฐมนตรีทั้ง 16 คนเข้ารับตำแหน่งในวันพฤหัสบดี กลายเป็นคณะรัฐมนตรีชุดแรกของเยอรมนีที่มีผู้หญิงเท่ากับผู้ชาย แอนนาเลนาแบร์บอค ผู้นำพรรคกรีนส์ รับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลผสมชุดใหม่ของเยอรมนีที่มีโชลซ์เป็นผู้นำ ประกาศว่าจะรับมือกับปัญหาโลกร้อนอย่างเข้มงวด ด้วยการประกาศแผนยกเลิกการใช้พลังงานจากถ่านหินก่อนเป้าที่วางไว้ และมุ่งเน้นการใช้งานพลังงานสะอาด แต่ภารกิจเร่งด่วนก่อนหน้านั้น น่าจะเป็นการรับมือการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศ หลังจากพบผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นต่อเนื่องจนน่าตกใจ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ยวันละกว่า 60,000 คน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มวันละกว่า 500 คน ขณะที่ความกังวลว่ารัสเซียจะบุกยูเครน ก็เป็นอีกความท้าทายสำหรับรัฐบาลใหม่เยอรมนี
ที่ผ่านมา แมร์เคิลถูกกล่าวหาเสมอว่า เห็นแก่การค้าก่อนการเมืองเนื่องจากเธอมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างอบอุ่นกับรัสเซียและจีน ขณะที่รัฐบาลของโชลซ์ ถูกคาดหวังว่าจะค่อนข้างเข้มงวดขึ้น แม้ว่าธุรกิจในเยอรมนีจะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจหากเกิดความตึงเครียดขึ้น แต่ก็สามารถพัฒนาความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ที่กำลังจับตารัสเซียกับจีนอย่างใกล้ชิด และต้องการให้มหาอำนาจในยุโรปอยู่ข้างสหรัฐฯ และแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อทั้งสองชาติ
แต่การจะกระชับสัมพันธ์ระหว่างเยอรมนีกับสหรัฐฯ โชลซ์ต้องผ่านบททดสอบจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน เสียก่อน ซึ่งเขาได้ทดสอบโชลซ์ก่อนที่จะเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเสียอีก นั่นคือ สหรัฐฯ ต้องการให้เยอรมนี ยกเลิกโครงการ Nord Stream 2 ที่เป็นความร่วมมือระหว่างบริษัทของรัสเซียกับบริษัทเยอรมัน และอีกหลายประเทศสร้างท่อส่งก๊าซจากรัสเซียลอดทะเลบอลติกขึ้นฝั่งที่เยอรมนี สหรัฐฯ มองว่าหากเยอรมนีหรืออียูนำเข้าก๊าซจากรัสเซีย ก็เท่ากับผูกโยง พึ่งพาเศรษฐกิจการเมืองกับรัสเซียมากขึ้นขณะที่รัสเซียมองว่า ที่สหรัฐฯ พยายามขวางก็เพราะหวังเป็นผู้ขายก๊าซแก่อียูเสียเอง
ประเด็นนี้มีการโต้แย้งกันทั้งในและต่างประเทศ และเป็นประเด็นที่สร้างความแตกแยก แม้กระทั่งภายในรัฐบาลของโชลซ์เอง แม้ว่ารัสเซียจะปฏิเสธแผนการบุกรุกประเทศเพื่อนบ้าน แต่แมร์เคิลก็เห็นด้วยกับผู้นำสหรัฐฯ และผู้นำของสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และอิตาลี ว่าพวกเขาจะใช้กลยุทธ์ร่วมกันเพื่อตอบโต้ด้วยมาตรการทางเศรษฐกิจที่รุนแรงต่อรัสเซีย รวมถึงโครงการท่อส่งก๊าซ Nord Stream 2 ของรัสเซียไปยังเยอรมนี ซึ่งสร้างเสร็จแล้ว แต่ยังรอการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านพลังงานของเยอรมนี
ขณะที่ข้อความแสดงความยินดีถึงจาก ประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูตินผู้นำรัสเซีย ระบุว่า เขาตั้งตารอการเจรจาที่สร้างสรรค์ และหวังว่าเยอรมนีจะยอมรับว่า “ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการเจรจา” ส่วนกับฝรั่งเศสแม้โชลซ์จะต้องการใกล้ชิดกับฝรั่งเศสแต่ฝรั่งเศสที่มีจุดยืนไม่ต้องการสร้างสัมพันธ์ใกล้ชิดนอกอียู ซึ่งแตกต่างจากที่ชาวเยอรมันต้องการ ผู้นำคนใหม่ของเยอรมนีต้องการให้สหภาพยุโรปมาก่อน และรัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่อยากให้เยอรมนีมีบทบาทมากขึ้นในสหภาพยุโรป
ไม่ว่าจะเดินหน้านโยบายอย่างไรแต่ที่แน่ๆ ช่วงเวลาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ของโชลซ์และรัฐบาลใหม่ช่างน้อยนิดนักเพราะมีภารกิจมากมายรอคอยอยู่มากมายเหลือเกิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี