หลายคนอาจจะทราบแล้วว่าเมืองหนองคายถูกจัดว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่ น่าอาศัยมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกใบนี้ โดยเมื่อประมาณ 4-5 ปีที่ผ่านมานั้น มีนิตยสารด้านการท่องเที่ยวระดับโลก จำพวกที่เน้นการอยู่อาศัยแบบ Long Stay ฉบับหนึ่ง (Modern Maturity ของสหรัฐอเมริกา) ระบุว่า หนองคายเป็นเมืองน่าอยู่อันดับ 7 ของโลก
สำหรับคนที่เคยไปเที่ยวหนองคายคงไม่ปฏิเสธเรื่องนี้ เพราะต้องยอมรับว่าหนองคายมีความเจริญในระดับหนึ่ง แล้วก็มีความสุขสงบในระดับที่น่าพอใจ อาหารการกินก็นับว่าอุดมสมบูรณ์ อากาศก็ดี เพราะมีมลภาวะน้อยมากเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่ๆ ทุกแห่งในประเทศไทย และมหานครอื่นๆ ของโลกที่สำคัญคือหนองคายอยู่ใกล้ชิดต่อกับกรุงเวียงจันทน์ เมืองหลวงของประเทศลาว โดยมีลำน้ำโขงกั้นอยู่เท่านั้น
หากจะถามว่า เขาใช้เกณฑ์อะไรในการจัดอันดับเมืองน่าอยู่ น่าอาศัย ก็ตอบได้ว่า ใช่เกณฑ์ 12 ข้อ ต่อไปนี้ คือสภาพดินฟ้าอากาศ ค่าครองชีพประจำวันขนบธรรมเนียมวัฒนธรรม ที่อยู่อาศัย ระบบสาธารณูปโภค การคมนาคมขนส่ง การบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข สภาพแวดล้อม กิจกรรมนันทนาการ ระบบรักษาความปลอดภัย ความมั่นคงทางการเมือง ระบบเทคโนโลยี และโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัย
ต้องยอมรับว่าเมืองหนองคายมีความน่าอยู่มากจริงๆ ดังนั้นใครก็ตามที่ไปเที่ยวหนองคายแล้ว ก็มักจะกลับไปเที่ยวไปเยี่ยมเยียนอีกเมื่อมีโอกาส เพราะติดอกติดใจในความสงบของบ้านเมือง และชื่นชอบอากาศที่บริสุทธิ์ เนื่องจากยังไม่มีโรงงานอุตสาหกรรมในเขตจังหวัดตั้งอยู่อย่างแน่นขนัด อีกทั้งหลายคนบอกว่าชอบบรรยากาศริมน้ำโขงในเขตหนองคาย เพราะมองไปยังฝั่งตรงข้ามแล้วพบว่ามีบ้านเรือนของชาวลาวตั้งอยู่ให้เห็นทำให้มองเห็นความคึกคักของบ้านใกล้เรือนเคียงได้อย่างดี
วันนี้ขอชวนคุณๆ ไปเที่ยวหนองคายด้วยกัน (ก่อนที่จะหมดหน้าหนาวปีนี้) โดยตั้งใจว่าจะไปเที่ยวในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ วางแผนว่าใช้เวลาท่องเที่ยว3 วัน 2 คืน ถ้าหากคุณสนใจร่วมทริปเล็กๆ (12-14 คน) โปรดติดต่อที่091-7233615
สำหรับวันนี้ขออัญเชิญภาพของหลวงพ่อพระใส แห่งวัดโพธิ์ชัย พระอารามหลวงมาเป็นขวัญและกำลังใจกับคุณๆ ทุกคนหลวงพ่อพระใส คือพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองหนองคาย Mr. Flower อยากชวนคุณๆ ไปกราบนมัสการหลวงพ่อพระใสด้วยกัน
นอกจากนี้ยังนำภาพบรรยากาศริมลำน้ำโขงในเขตตัวเมืองหนองคายมาฝากคุณๆ ด้วย พร้อมทั้งมีภาพพระธาตุหล้าหนอง หรือพระธาตุหนองคาย ซึ่งพระธาตุองค์เดิมตั้งอยู่บนฝั่งแผ่นดินไทย แต่ฝั่งถูกกระแสน้ำโขงกัดเซาะมานานนับร้อยปี จึงทำให้องค์พระธาตุเดิมกลายเป็นไปตั้งอยู่กลางลำน้ำโขงจึงทำให้ต้องสร้างพระธาตุองค์ใหม่ขึ้นมาไว้ณ ริมลำน้ำโขง ดังปรากฏทุกวันนี้ ส่วนพระธาตุเดิมที่ปัจจุบันอยู่กลางน้ำนั้น ก็เหลือเพียงซากเท่านั้น ซึ่งจะปรากฏให้เห็นในยามที่น้ำโขงลดลงในยามหน้าแล้งเท่านั้น แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีผู้คนมากมายนั่งเรือไปกราบนมัสการซากของพระธาตุองค์เดิมที่อยู่กลางน้ำ
ขอย้ำอีกครั้งว่า เราจะไปทริปหนองคายในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้หากคุณๆ สนใจร่วมทริปโปรดติดต่อ คอลัมน์ตะลอนเที่ยว หนังสือพิมพ์แนวหน้า091-7233615
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี