“เพียงไม่นานหลังจากเข้ามาช่วยธุรกิจของครอบครัว เรามองเห็นโลกที่หมุนผ่านไปอย่างรวดเร็วเข้าสู่ยุคดิจิทัลมากขึ้น จึงมีแนวคิดของคนรุ่นใหม่ที่นำพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์มาใช้ในการบริหารให้ธุรกิจเป็นระบบดิจิทัลมากขึ้น ด้วยการผสานความร่วมมือระหว่างคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่า เพราะด้วยประสบการณ์ของคนรุ่นเก่าจะสามารถช่วยผลักดันบริษัทเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด”
พิชญเทพ ยุกตะเสวี ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง ทายาทคนเล็กของนักธุรกิจหญิงแกร่ง พิมพ์ จารุเศรณี แห่ง บริษัท อุตสาหกรรมนมไทย จำกัด กับแบรนด์นมข้นหวาน “มะลิ” ที่อยู่คู่คนไทยมานานถึง 6 ทศวรรษ ซึ่งหลังจากคว้าปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์ (เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง) จากมหาวิทยาลัย Royal Holloway University of London ประเทศอังกฤษ ก็ได้กลับมาช่วยงานของครอบครัวอย่างเต็มตัว โดยเริ่มจากการสร้างความคุ้นเคยกับพนักงาน
และด้วยความโชคดีที่เคยติดตามคุณพ่อคุณแม่มาทำงานที่บริษัทมาตั้งแต่เด็กๆทำให้พอใกล้ชิดกับพนักงานอยู่ในระดับหนึ่งโดยงานที่ พิชญเทพ เข้ามาช่วยหลังเรียนจบอยู่ในส่วนของโรงงาน ทั้งการพัฒนาสินค้าและพัฒนาโรงงานในรูปแบบใหม่เพื่อลดต้นทุนการผลิต จึงปฏิรูปการทำงานใหม่ทั้งหมดโดยการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้มากขึ้น ถึงกระนั้น “การทำงานกับคนหลากหลายวัย” ก็นับเป็นความท้าทายที่สำคัญ
“เราไม่ได้ทำงานอยู่แต่กับเด็กรุ่นใหม่ที่มีพลังความคิดล้นเหลือ มีไฟในการทำงานเพียงอย่างเดียว แต่เรามีคนรุ่นเก่าตั้งแต่รุ่นคุณพ่อคุณแม่เราทำอยู่ด้วย จึงต้องทำความเข้าใจกับคนรุ่นเก่าก่อน เพราะเขามีประสบการณ์การทำงานเยอะ ซึ่งเราโชคดีที่พี่ๆ เขาเอ็นดูมาตั้งแต่เด็กจึงทำให้อุปสรรคต่างๆ ผ่านไปได้อย่างง่ายดาย เพราะเราทำงานด้วยความเข้าใจกันและสนับสนุนการทำงานของกันและกัน เพื่อให้งานดำเนินไปอย่างราบรื่น”
แม้จะเป็นแบรนด์นมข้นหวานที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน แต่ “นมตรามะลิ” ก็เป็นเช่นเดียวกับทุกธุรกิจที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป อาทิ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ “นมข้นหวานอีซี่ สควีซ ชนิดถุง ขนาด 250 กรัม” ที่โดดเด่นด้วยความสะดวกสบายในการใช้งาน เพราะจัดเก็บง่ายและพกพาสะดวก อีกทั้ง ยังได้ 2 นักแสดงหนุ่ม “ไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารี” และ “วิน-เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ในกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังคนรุ่นใหม่ทั้ง Gen Y และ Gen Z
อีกหนึ่งการปรับตัวครั้งสำคัญ คือเมื่อทั่วทั้งโลกต้องเผชิญสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 เกิดข้อจำกัดด้านการจำหน่ายสินค้าในร้านค้าหรือห้างสรรพสินค้าแบบเดิม “การตลาดออนไลน์” จึงกลายเป็นช่องทางสำคัญของธุรกิจ สำหรับแบรนด์มะลินั้น บริษัทเปิดร้านออนไลน์ให้ช็อปผ่าน “Line Official : @malibrand” เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้ทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค โดยการเปิดช่องทางการขายใหม่นี้เป็นการสร้างโอกาสให้บริษัทเข้าถึงและได้ดูแลผู้บริโภคอย่างใกล้ชิดมากขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ บริษัทยังคงจะมุ่งมั่นพัฒนาสินค้า การบริการ นำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในธุรกิจให้กระบวนการทำงาน และการขาย ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขยายตลาดส่งออก คงมาตรฐานโลก และพัฒนากระบวนการผลิตให้เป็นที่ยอมรับจากคู่ค้าและผู้บริโภคต่อไป ซึ่งที่ผ่านมา ไม่ว่า “มะลิ” จะเผชิญมรสุมมากน้อยแค่ไหน บริษัทฯ ก็จะไม่มีนโยบายปลดพนักงาน แต่จะคำนึงถึงเรื่องกระบวนการผลิตให้มีความปลอดภัยมากขึ้น จึงให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคและพนักงาน
“เพราะมะลิอยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน ทำให้มีลูกค้าจำนวนมากอยู่ในหลายช่วงวัย เราจึงพยายามคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มอยู่เสมอ โดยจะค่อยๆ ปรับลักษณะบรรจุภัณฑ์ไปตามยุคสมัย แต่จะยัง
คงรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของมะลิเอาไว้เพื่อรักษาคุณภาพสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐาน ถึงแม้ว่ามะลิจะเริ่มบุกตลาดออนไลน์มาระยะหนึ่งแล้ว แต่ยังคงให้ความสำคัญกับช่องทางออฟไลน์ โดยมุ่งเน้นการดูแลและให้บริการอย่างจริงใจแก่ลูกค้าทุกกลุ่มเหมือนเช่นเคย”
นอกเหนือจากเรื่องงาน พิชญเทพ ยังเล่าอีกว่า ไลฟ์สไตล์ของตนเองนั้นชอบเล่นกีฬาทั้งฟุตบอลและรักบี้ อีกทั้ง ยังชอบเดินป่าและท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ เพราะได้สัมผัสกลิ่นอายธรรมชาติและช่วยให้สมองปลอดโปร่ง โดยจะชอบไปสถานที่ท่องเที่ยวอยู่ 2 แห่ง คือ เขาใหญ่กับหัวหิน แต่จะชอบภูเขามากกว่า เพราะบางครั้งอากาศเย็นทำให้ได้อยู่กับธรรมชาติจริงๆ ส่วนหัวหินที่ชอบไป เพราะเคยไปกับครอบครัวตั้งแต่เด็กๆ ทำให้มีความผูกพัน
แต่เมื่อต้องเข้ามาสานต่องานของบริษัท ทำให้ต้องปรับตัวให้มีสมดุลระหว่างเวลางานและเวลาส่วนตัว เพื่อไม่ให้กระทบอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยการตั้งเวลาตนเองในแต่ละวัน และยืดหยุ่นตามหน้างานตรงหน้า ซึ่งเมื่อครั้งที่ยังเรียนอยู่ที่อังกฤษ มีครูชาวอังกฤษท่านหนึ่งได้สอนว่า “ให้ทำในสิ่งที่ตนเองอยากทำ” แล้วตนก็เชื่อในคำสอนนั้นมาตลอด นั่นจึงตั้งใจอยากเข้ามาช่วยงานของครอบครัว
“ก่อนหน้านี้เวลาทำงาน จะมีเงาของคุณแม่คอยดูอยู่ข้างหลังผมตลอด แต่ตอนนี้คุณแม่ปล่อยให้ผมลงมือทำด้วยตนเอง ก้าวต่อในแบบที่เราตั้งใจจะไป ซึ่งผมต้องค่อยๆ เรียนรู้จากคนที่มีประสบการณ์มากกว่า และนำคำสอนของคุณแม่มาปรับใช้ในการทำงานทุกย่างก้าวของผม คือ การระมัดระวัง การไตร่ตรองในทุกๆ เรื่อง ไม่ใช่แค่เรื่องงานอย่างเดียว และที่สำคัญคือมารยาท แค่มี 3 คำสอนนี้ก็ทำให้ผมทำงานผ่านไปได้อย่างสำเร็จลุล่วงแล้ว”
นอกจากจะเป็นลูกไม้ที่หล่นใต้ต้นแล้ว ยังเบ่งบานจนน่าชื่นใจ !!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี