โครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน ปี 9” (ตามรอยพ่อฯ ปี 9) จัดกิจกรรมรณรงค์ ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลุ่มน้ำป่าสัก จากจุดเริ่มต้นของโครงการตามรอยพ่อฯ เมื่อ 9 ปีที่แล้วเผยความสำเร็จแนวทางการทำเกษตรแบบโคก หนอง นา ตามศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่น สามารถแก้ปัญหาทุกวิกฤตได้อย่างยั่งยืน โดยจัดกิจกรรมเอามื้อสามัคคี (ลงแขก) ณ โคกหนองนาโปรดปัน ต.ระโสม อ.ภาชี พร้อมจัดขบวนปั่นจักรยานรณรงค์ระยะทาง 119 กม. มั่นใจองค์ความรู้ศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่นจะสร้างแรงบันดาลใจส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นไม่รู้จบ
ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร นายกสมาคมดินโลก และผู้ก่อตั้งมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ กล่าวว่า “โครงการตามรอยพ่อฯ เกิดขึ้นในปี 2556 หรือเมื่อ 9 ปีที่แล้ว โดยได้รับแรงบันดาลใจจากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราช บรมนาถบพิตร ที่ว่าลุ่มน้ำป่าสักจัดการได้ยากเพราะมีความลาดชันสูง สิ่งที่พระองค์ท่านทรงห่วงใยนั้น เป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันทุกภาคส่วน จึงเกิดการรวมตัวของ 7 ภาคีเครือข่าย ประกอบด้วยภาครัฐ วิชาการ เอกชน ประชาสังคม ประชาชน ศาสนาและสื่อมวลชน เพื่อดำเนินกิจกรรมรณรงค์ เผยแพร่ ส่งต่อองค์ความรู้เกี่ยวกับศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่นตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ที่ได้พระราชทานไว้แก่คนไทย โดยมุ่งหวังให้คนไทยเกิดการตระหนัก สนใจ เรียนรู้ และลงมือทำ เพื่อให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ ผ่านพ้นทุกวิกฤตปัญหาได้อย่างยั่งยืนและยังส่งต่อความช่วยเหลือให้ผู้อื่นได้ด้วย โดยเน้นการทำตัวอย่างให้ดู และรณรงค์ให้คนที่มีกำลัง ลุกขึ้นมาทำตาม เริ่มทำครั้งแรกที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องจนนำไปสู่การขยายผล ทั้งในพื้นที่จังหวัดที่ตั้งอยู่ในลุ่มน้ำป่าสักเองและลุ่มน้ำอื่นๆ ครอบคลุมทั้ง 22 ลุ่มน้ำทั่วประเทศ”
ดร.วิวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า “สำหรับกิจกรรมรณรงค์ของโครงการตามรอยพ่อฯ ปี 9 เราเลือกกลับมาจัดที่พระนครศรีอยุธยา จังหวัดสุดท้ายของปลายลุ่มน้ำป่าสัก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น ของโครงการตามรอยพ่อฯ อีกครั้งซึ่งด้วยสภาพภูมิศาสตร์ที่เป็นพื้นที่ราบลุ่มและเป็นที่บรรจบกันของแม่น้ำสำคัญหลายสาย จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมได้ทุกปี เราจึงยังคงต้องรณรงค์ให้เกษตรกรนำศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่นมาลงมือปฏิบัติอย่างต่อเนื่องต่อไป ทั้งการขุดหนองเพื่อเก็บน้ำ การนำดินที่ได้จากการขุดหนองมาปั้นเป็นโคกสูงเพื่อให้เป็นที่สร้างที่อยู่อาศัย เพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ หรือการทำโคก หนอง นา นั่นเอง ซึ่งการทำเช่นนี้จะทำที่พระนครศรีอยุธยาจังหวัดปลายน้ำเพียงจังหวัดเดียวไม่ได้ ต้องลงมือทำทั้งระบบทุกจังหวัดตั้งแต่ต้นน้ำมาจึงจะสามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งได้อย่างยั่งยืน”
กิจกรรมรณรงค์ของโครงการตามรอยพ่อปี 9 ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-5 กุมภาพันธ์ 2565 วันแรกเป็นกิจกรรมการปั่นจักรยานรณรงค์ ของกลุ่มนักปั่นสะพานบุญและเครือข่ายของโครงการตามรอยพ่อฯ เป็นระยะทางทั้งสิ้น 119 กิโลเมตร โดยเริ่มเส้นทางจากศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิดอำเภอบางปะอิน จนถึงแปลงโคกหนองนาโปรดปัน อำเภอภาชีของนายไพโรจน์ วิภาสวัสดิ์ ซึ่งเป็นพื้นที่จัดกิจกรรมเอามื้อสามัคคีในวันถัดมา โดยวางมาตรการความปลอดภัยด้านสุขอนามัยตามมาตรการคัดกรองโควิด-19 อย่างเข้มข้น
นายอาทิตย์ กริชพิพรรธผู้จัดการใหญ่ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด กล่าวเกี่ยวกับกิจกรรมรณรงค์ในครั้งนี้ว่า “โครงการตามรอยพ่อฯปี 9 ได้เลือกพื้นที่ตัวอย่างความสำเร็จของคุณไพโรจน์ วิภาสวัสดิ์ ซึ่งเป็นเภสัชกรที่ศรัทธาในศาสตร์พระราชา ได้ศึกษาและลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง สร้างพื้นที่จากที่นาว่างเปล่ามาทำเป็นโคก หนอง นา ปลูกไม้ป่าให้ความร่มรื่น และกำลังปลูกพืชอาหารและสมุนไพรเพิ่มคุณไพโรจน์ได้ทำให้เห็นเป็นต้นแบบว่าโคก หนอง นา ทำได้จริง หยุดท่วม หยุดแล้งได้จริง ในขณะที่พื้นที่รอบข้างยังคงประสบกับภัยแล้งและน้ำท่วม ซึ่งในภายภาคหน้าพื้นที่แห่งนี้ก็จะเป็นแหล่งอาหารปลอดภัยและเป็นพื้นที่ปลอดภัยจากวิกฤตต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรม 200 คน มาร่วมเรียนรู้ผ่านการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ขุดปรับคลองไส้ไก่รอบแปลงนาและรอบหนองน้ำ ทำแปลงปลูกผักอินทรีย์ ทำนาอินทรีย์ ปลูกพืชผักสวนครัวและสมุนไพร ห่มฟางใส่ปุ๋ยแห้งปุ๋ยน้ำ เพาะผัก เพาะต้นไม้ และทำน้ำยาอเนกประสงค์ เป็นต้น”
นายไพโรจน์ วิภาสวัสดิ์ เจ้าของพื้นที่โคกหนองนาโปรดปัน ขนาด 19 ไร่ ตั้งอยู่ที่ ต.ระโสม อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวถึงการลงมือปฏิบัติตามศาสตร์พระราชาว่า “หาความรู้โดยดูยูทูบ อ.ปัญญาปุลิเวคินทร์ แห่งศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ อีกทั้งได้แรงบันดาลใจจาก ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร (อ.ยักษ์) ที่ทุ่มเทเผยแพร่ศาสตร์พระราชา ในปี 2558 จึงได้ไปอบรมหลักสูตรการป้องกัน เตือนภัย และฟื้นฟูชุมชนในภาวะวิกฤต รุ่นแรก ที่ศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติและที่มาบเอื้อง จึงกลับมาปรับพื้นที่”
“เนื่องจากพื้นที่มีขนาดใหญ่จึงเน้นการทำแบบ “เล็ก แคบ ชัด” โดยขุดบ่อ 8 บ่อ สามารถกักเก็บน้ำได้ประมาณ 50,000 ลูกบาศก์เมตรขุดคลองไส้ไก่ มีแปลงนาขนาด 2 ไร่ บนโคกปลูกไม้ป่าหายาก โดย 70-80% เป็นต้นไม้ที่เพาะเอง มีผลผลิต เช่น ข้าว ตะไคร้ และกล้วย เน้นเก็บกินเอง ตอนนี้ได้ปลูกข้าวกินเองมา 5 ปีแล้ว เป้าหมายของผมคืออยากทำพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อเป็นต้นแบบให้คนทั่วไปเห็นว่าทำได้จริง และอยากให้ชาวนาที่เป็นเจ้าของพื้นที่โดยรอบเห็นว่า นอกจากทำนาแล้วยังสามารถทำอย่างอื่นได้ด้วย โดยพร้อมเปิดเป็นแหล่งเรียนรู้ ให้ผู้ที่สนใจเข้ามาเยี่ยมชมได้ อนาคตอันใกล้นี้อยากปลูกบ้านในสวน เพื่อเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กับครอบครัว พ่อ แม่ และให้ลูกมีพื้นที่ได้อยู่กับธรรมชาติมากขึ้น”
ผู้ที่สนใจติดตามกิจกรรมในโครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลกรวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” ได้ทาง www.facebook.com/ajourneyinspiredbytheking หรือดูรายละเอียดที่ https://ajourneyinspiredbytheking.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี