จากงานมหกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติครั้งแรก ที่กระทรวงวัฒนธรรม จัดงานมหกรรม “เสน่ห์เมืองหนังโนรา รังสรรค์ศิลป์ถิ่นใต้” เมื่อวันที่ ๑๐-๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๕ ที่ตลาดน้ำทะเลน้อย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง นั้น นอกจากจะรับรู้ว่าพัทลุงนั้น เป็นถิ่นกำเนิดโนรา ที่องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ประกาศขึ้นทะเบียน “โนรา” เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อจาก “โขน” และ “นวดไทย” แล้ว ยังได้เห็นลีลาการตีโพนคือกลองพื้นเมืองของพัทลุงจากนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม ดร.ยุพา ทวีวัฒนะกิจบวรปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายวิญญ์ สิทธิเชนทร์รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ส่วนจะเป็นโพนมงคลใบไหนใน ๙ ลูก ที่มีชื่อว่า ก้องฟ้า, พสุธาลั่น,ขวัญเมือง, เรืองฤทธิ์, พิชิตไพรี, ศรีมงคล, พ้นภัยพาล,สำราญฤกษ์, เกริกเกรียงไกร ก็อยู่ที่ลีลาท่าทางการตีของสามประธานเปิดงานนั่นแหละ สำหรับเรื่อง โนรา นั้นเป็นชื่อเรียกการแสดงท่ารำพื้นเมืองของภาคใต้ มาจากคำว่า “นระ” เป็นภาษาบาลี-สันสกฤต แปลว่า มนุษย์ ซึ่งมีการร่ายรำของตนมาแต่เดิม ส่วนการรำ “โนรา” นั้น เป็นท่ารำเสมือนกับท่าร่ายรำของเทวดา กล่าวคือ โนรานั้นมีท่ารำแม่บทอย่างเดียวกับละครชาตรี บทร้องเป็นกลอนสดผู้ขับร้องต้องใช้ปฏิภาณไหวพริบ ที่จะสรรหาคำให้สัมผัสกันอย่างฉับไวและมีความหมาย ทั้งบทร้อง ท่ารำและเครื่องแต่งกายล้วนเป็นภูมิปัญญาเฉพาะถิ่นแม้จะคล้ายศรีลังกาก็ตาม ส่วนเครื่องดนตรีประกอบด้วย กลอง ทับคู่ ฉิ่งโหม่ง ปี่นอก หรือปี่ในและกรับ ปัจจุบันได้มีการพัฒนาเอาเครื่องดนตรีสากลเข้าร่วมด้วย เดิมนิยมใช้ผู้ชายล้วนแสดงวันนี้มีผู้หญิงแสดงร่วมด้วย ซึ่งมักสับสนว่ามาจากมโนราห์ ซึ่งเป็นชื่อวรรณคดีเรื่องหนึ่งที่มีชื่อ พระสุธนและมโนราห์ กินนร เป็นตัวเอกของเรื่อง
ตำนานการเกิดโนรานั้นมีเรื่องเล่าขานกันมาว่ากาลครั้งนั้นมีเมืองหนึ่งแม้ไม่บอกว่าเมืองอะไรก็น่าจะพัทลุงนั่นแหละ เมืองนี้มีเจ้าเมืองนามว่า พญาสายฟ้าฟาด ซึ่งมีพระธิดาชื่อ นางนวลทองสำลีแล้วคืนวันหนึ่งนั้นนางได้ฝันเห็นกินนรออกมาร่ายรำให้ชม ลีลาท่ารำของกินนรนั้นงดงามมหัศจรรย์ยิ่งนัก จนทำให้นางจดจำท่ารำในฝันได้ทั้ง ๑๒ ท่าไว้ขณะที่ร่ายรำนั้นมีเสียงดนตรีบรรเลงประกอบท่ารำด้วย เมื่อนางตื่นขึ้นนางจึงทบทวนร่ายรำตามลีลาและท่าทางตามฝัน และเสวยเกสรดอกบัวเป็นอาหาร ต่อมานางเกิดตั้งครรภ์โดยไม่ทราบที่มาที่ไป จึงทำให้พญาสายฟ้าฟาดโกรธมากจึงให้เนรเทศพระธิดาพร้อมบริวารลอยแพออกไปจากเมือง แพนั้นพานางนวลทองสำลีและบริวาร ลอยออกไปในทะเลสาบใหญ่และไปติดที่เกาะกะชัง ที่อยู่ในทะเลสาบสงขลา หลังจากนางให้กำเนิดพระโอรสแล้ว เมื่อพระโอรสเติบโตนางก็สอนพระโอรสร่ายรำลีลาตามท่าทางของกินนรตามที่ฝันมาแต่ครั้งโน้นจากนั้นพระโอรสได้หนีออกมาร่ายรำในเมืองจนความทราบถึงพญาสายฟ้าฟาดจึงสั่งให้พาเด็กชายคนนี้เข้าวังเพื่อจะชมการร่ายรำที่ชาวบ้านร่ำลือนัก พญาสายฟ้าฟาด รู้สึกพอใจการร่ายรำที่งดงามมากประเด็นเล่าก็มาหยุดตรงที่หน้าตาเด็กชายนี้คลับคล้ายคลับคลาพระธิดาที่ลอยแพไป จึงสอบความจึงรู้ว่าเด็กชายคนนี้เป็นหลานของตนนั่นเอง พญาสายฟ้าฟาดจึงมอบเครื่องต้นและเทริดให้แก่เด็กน้อย และแต่งตั้งให้เป็น “ขุนศรีศรัทธา” ทำหน้าที่เป็นครูสอนและดูแลการร่ายรำโนราของเมืองนี้ขุนศรีศรัทธาผู้นี้ได้รับการยกย่องว่าเป็น “บรมครูโนราผู้ยิ่งใหญ่” ที่นักแสดงโนราพากันนับถือสืบทอดกันมาจนถึงวันนี้ ด้วยการเป็นถิ่นกำเนิดโนราในพัทลุงนั้นทำให้มีการสนับสนุน ส่งเสริมศิลปะพื้นบ้าน “โนรา” มาตลอด มีการสืบสานผู้สืบทอดเชื้อสายจัดงานโนราโรงครูขึ้นทุกปี แต่ด้วยเป็นการแสดงที่นิยมในวิถีถิ่นวิถีไทยนั้นจึงทำให้การแสดงโนราแพร่หลายไปทั่วภาคใต้และมีการประยุกต์ในการแสดงหนังตะลุงด้วย การจัดงานมหกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติจึงยกย่องวิถีถิ่นวิถีไทยให้ปรากฏถึงวัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งมีโครงการจัดขึ้นทุกภาคคือ ภาคกลางจัดที่ จ.ตราด ในเดือนเมษายน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจัดที่ จ.กาฬสินธุ์ ในเดือนพฤษภาคม และภาคเหนือจัดที่ จ.พิษณุโลก ในเดือนกรกฎาคม เพื่อให้เกิดการเรียนรู้วิถีชีวิต ประเพณีและศิลปวัฒนธรรมที่เป็นอัตลักษณ์ของแต่ละภาคแล้วยังได้รับรู้ถึงสินค้าผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (CPOT) และผลิตภัณฑ์จากชุมชนวัฒนธรรมในจังหวัดต่างๆ ในภาคนั้นไปพร้อมกันด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี