“ท้องผูก” อาจฟังดูเป็นเรื่องเล็กแต่ก็เป็นอาการที่ก่อปัญหาให้กับคนทุกเพศทุกวัย ที่ไม่เพียงแค่สร้างความอึดอัด ไม่สบายตัวเท่านั้น เพราะหากปล่อยทิ้งไว้นานจนเรื้อรังก็จะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันแถมยังนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่ร้ายแรงกว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็น ริดสีดวงทวาร เลือดออกในลำไส้ใหญ่ หรือที่น่ากลัวที่สุดก็คือเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งในลำไส้ นอกจากนั้น เมื่อร่างกายมีการหมักหมมสารพิษและของเสียไว้ในลำไส้นานกว่าที่ควร ยังอาจส่งผลถึงจิตใจให้กลายเป็นคนหงุดหงิด โมโหง่าย และอาจมีกลิ่นปากได้อีกด้วย
เมื่อไหร่จึงถือว่ามีอาการท้องผูกข้อมูล ผศ.นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ กรรมการบริหาร มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ แนะนำว่า ถ้าเมื่อใดก็ตามที่คุณรู้สึกว่าการขับถ่ายเป็นเรื่องยาก กว่าจะถ่ายได้แต่ละที ต้องใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานๆ เป็นประจำ รู้สึกอึดอัดแน่นท้อง ถ่ายแล้วแต่ยังรู้สึกว่ายังถ่ายไม่หมดถ่ายออกมาน้อย อุจจาระมีลักษณะแห้ง เป็นก้อนแข็งกว่าปกติ รวมถึงความถี่ของการถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ นั่นแสดงว่าคุณมีอาการท้องผูกเข้าแล้ว
ท้องผูกเกิดจากอะไร?
จริงๆ แล้วท้องผูกสามารถพบได้ทุกช่วงวัย แต่มักจะเกิดขึ้นได้บ่อยในผู้สูงวัย ปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการท้องผูกอาจมาได้จากหลายสาเหตุ เช่น
การปฏิบัติตัวที่ไม่ถูกต้อง เช่น ไม่ออกกำลังกายหรือไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกาย ขับถ่ายไม่เป็นเวลา ชอบกลั้นอุจจาระ เคยชินกับการทานยาระบายหรือสวนอุจจาระเองบ่อยๆ การเบ่งถ่ายอุจจาระไม่ถูกต้อง โดยมีการเบ่งถ่ายไม่สัมพันธ์กับการคลายตัวของหูรูดทวารหนักเป็นต้น
พฤติกรรมการรับประทานอาหาร การใช้ชีวิตที่เร่งรีบเกินไป หลายคนจึงมักจะรับประทานอาหารแปรรูปหรือจังค์ฟู้ดส์ซึ่งเต็มไปด้วยแป้งและไขมัน แต่กลับมีไฟเบอร์หรือกากใยอาหารน้อยเกินไปจึงมีแรงกระตุ้นที่ทำให้ลำไส้ใหญ่บีบตัวลดน้อยลง จนเกิดการคั่งค้างของอุจจาระในลำไส้ใหญ่ รวมถึงมีพฤติกรรมดื่มน้ำน้อยหรือไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ส่งผลให้ไม่ขับถ่ายหรือขับถ่ายไม่สะดวก
การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เมื่ออายุมากขึ้น ระบบต่างๆ ของร่างกายรวมทั้งระบบการย่อยทำงานเสื่อมถอยและไม่เป็นปกติ การบีบตัวของลำไส้น้อยลงการย่อยอาหารและดูดซึมไม่สมบูรณ์ทำให้มีของเสียตกค้างมาก และเมื่อขับถ่ายน้อย ของเสียยิ่งค้างในลำไส้นานและถูกดูดน้ำออกไปมาก จนทำให้อุจจาระมีลักษณะแข็งและแห้ง ฉะนั้นผู้สูงวัยจึงมักเกิดอาการท้องผูกได้ง่ายกว่าคนในวัยอื่น
ผลข้างเคียงของยาที่รับประทานในตัวยาบางชนิดอาจส่งผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดอาการท้องผูกได้ เช่น ยารักษาภาวะซึมเศร้า ยารักษาโรคพาร์กินสันโรคอัลไซเมอร์ ยาลดความดันโลหิตและ ยาแก้แพ้บางชนิด ยาปฏิชีวนะ และยารักษาอาการอักเสบต่างๆ เป็นต้น
ความผิดปกติของการทำงานของลำไส้และการขับถ่าย เช่น กล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักทำงานไม่ประสานกับการเบ่ง การเคลื่อนไหวของลำไส้ใหญ่น้อยกว่าปกติ หรือมีการเคลื่อนไหวไม่ประสานกันทำให้อุจจาระเคลื่อนไหวภายในลำไส้ใหญ่ช้ากว่าปกติ และภาวะลำไส้แปรปรวน
ทำได้...ถ่ายคล่อง
อาการท้องผูกนั้นสามารถป้องกันและแก้ไขให้ทุเลาลงได้ หากลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ด้วยการเริ่มต้นง่ายๆ เพียงแค่
1.ปรับเปลี่ยนเรื่องอาหารการกิน เพิ่มอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชและถั่วต่างๆ เพื่อเพิ่มปริมาณอุจจาระและทำให้อุจจาระเคลื่อนผ่านลำไส้ได้ง่ายขึ้น หรือถ้าใครไม่สะดวกปัจจุบันก็มีสารอาหารและเครื่องดื่มที่มีกากใยสูง เช่นเครื่องดื่มจากผงใบอ่อนข้าวบาร์เลย์ที่อุดมไปด้วยใยอาหารและวิตามินเกลือแร่ต่างๆ พร้อมด้วยผงใบอะชิตะบะ พืชสมุนไพรของญี่ปุ่นที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และอุดมไปด้วยสารโพลีฟีนอลต่างๆ อีกทั้งยังมีการเสริมด้วยใยอาหารต่างๆ เพื่อให้เป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพที่สำคัญก็คือการดื่มน้ำสะอาดอย่างพอเพียงและเหมาะสม ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ8 แก้ว หรือดื่มน้ำผลไม้บางชนิดซึ่งมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ เช่น น้ำมะขาม หรือน้ำลูกพรุนสกัดเข้มข้น ก็สามารถช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้นได้ และควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้ท้องผูก เช่น อาหารหวานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง อาหารฟาสต์ฟู้ดชา กาแฟ และแอลกอฮอล์ เป็นต้น
2.เสริมพรีไบโอติก และโพรไบโอติก กุญแจสำคัญในการดูแลสุขภาพให้กับระบบทางเดินอาหารไม่ได้อยู่ที่ปริมาณเส้นใยอาหารที่เรารับประทานเข้าไปเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากยังต้องควบคู่ไปกับการมีปริมาณจุลินทรีย์ในทางเดินอาหารอย่างสมดุล เพื่อช่วยเรื่องการย่อยที่ดี การดูดซึมที่มีประสิทธิภาพ และการขับถ่ายของเสียที่สมบูรณ์ดังนั้นคุณจึงควรรับประทานอาหารให้หลากหลายในปริมาณที่เหมาะสมเป็นประจำทุกวัน
3.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยกระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหารและกล้ามเนื้อหลังเพื่อช่วยให้ลำไส้เคลื่อนไหวได้ดีมากยิ่งขึ้นและขับอุจจาระได้อย่างปกติ นอกจากนี้ การออกกำลังกายยังช่วยให้ระบบ ไหลเวียนโลหิตดี ระบบประสาทตื่นตัว ระบบกล้ามเนื้อแข็งแรง และจิตใจแจ่มใสอีกด้วย แนะนำให้ออกกำลังกาย 3-5 วันต่อสัปดาห์
4.อย่ากลั้นอุจจาระ ควรเข้าห้องน้ำทุกครั้งที่รู้สึกปวด หรือหลังจากที่กินอาหารเช้าที่เป็นธัญพืช โดยพยายามนั่งถ่ายอย่างผ่อนคลายประมาณ 10 นาที หรือฝึกนิสัยการขับถ่ายเป็นเวลาให้ตัวเอง และหากพบอาการผิดปกติควรไปพบแพทย์เพื่อป้องกันไม่ให้อาการท้องผูกกลายเป็นอาการเรื้อรังหรือรุนแรงมากขึ้น
เห็นไหมว่า...เริ่มง่ายๆ ได้ที่ตัวคุณ ลองนำไปปฏิบัติกันดู รับรอง สบายท้องแน่นอน
สำหรับในช่วงโควิค-19 นี้ ขอเชิญคนไทยสุขภาพดี ร่วมบริจาคโลหิตช่วยเหลือผู้ป่วยทั่วประเทศ ได้ที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย, ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ 12 แห่ง และ รพ.ประจำจังหวัดทั่วประเทศ “มั่นใจ ปลอดภัย บริจาคโลหิตฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน” สอบถามโทร.02-2564300 หรือ www.blooddonationthai.com เพราะเลือดคุณช่วยต่อชีวิตคนได้
ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี